“การทักทาย” ถือว่าเป็นมารยาททางสังคม เป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ทุกคนควรกระทำ แม้กระทั่งผู้นำเองก็ควรกระทำ ผมเคยบอกไปในบทความก่อนหน้านี้แล้วว่า ” การเป็นผู้นำ หรือหัวหน้างานคือคุณต้องทำให้คนสามารถเข้าถึงคุณได้ ” เอาแต่ปั้นหน้าบึ้ง วางฟอร์มเกิดพอดีให้น่ากลัว มันหมดสมัยไปแล้วล่ะครับ การทักทายก็เช่นกัน ก็เป็นส่วนที่สำคัญมากๆ ในการผู้นำ และเป็นมารยาทของคนทั่วไปที่ดี ที่ควรกระทำ
ครอบครัว ก็เช่นกันครับยกตัวอย่างเช่น สภาพสังคมในปัจจุบันนี้ สามี และภรรยา ต่างคนต่างก็ทำงาน ตอนแต่งงานกันใหม่ๆ ก็ทักทายกันแทบทุกๆวัน สอบถามสาระทุกข์ สุกดิบกัน คอยแก้ปัญหา และแชร์ปัญหาให้กันและกัน ห่วงใยกัน แต่เมื่อแต่งงานกันไปนานๆ ด้วยภาระที่รัดตัว ประกอบกับมีลูกเป็นสายใยรัก ทั้งคู่ก็ยิ่งต้องทำงานมากขึ้น เพื่อเลี้ยงครอบครัว ทำให้เหนื่อยไม่มีเวลาทักทายกัน มีครอบครัวหนึ่งมาปรึกษาผมเช่นกันว่า ฝ่ายสามีพอกลับบ้านมาหลังเลิกงานก็ไม่ค่อยคุย ไม่ค่อยพูด กินข้าวเย็นก็อาบน้ำ ดูทีวีและนอน ไม่เคยทักทายกันเหมือนก่อน ผมเลยบอกแนวทางไปว่า ” หากฝ่ายสามีคุณไม่ทักทาย คุณก็ทักทายก่อนเลยสิ จะวางฟอร์ม และศักดิ์ศรีกันไปทำไม “ จากนั้นภรรยาก็เปลี่ยนใหม่ เมื่อสามีกลับมาจากที่ทำงานก็ถาม ว่า เหนื่อยไหมค่ะ งานยุ่งไหม ฝ่ายสามี ก็เริ่มทักทาย เริ่มมีรอยยิ้ม และขอโทษฝ่ายภรรยาที่ไม่ได้ให้เวลาเท่าที่ และไม่ทักทาย จะทำตัวไหม เห็นไหมครับไม่เห็นยากเลย แค่ทักทายก่อนก็แค่นั้น
ผู้นำ หรือหัวหน้างานก็เช่นกันครับ ส่วนมากไม่ค่อยจะทักลูกน้องก่อน ก็เป็นหัวหน้างานระดับสูงแล้ว ก็ต้องให้ลูกน้อง ผู้ใต้บังคับบัญชาทักทายก่อนสิ เดี๋ยวเสียศักดิ์ศรี เสียการปกครองเปล่าๆ หากคุณคิดเช่นนี้ คุณกำลังใช้หลักของผู้นำยุคหินน่ะครับ การทักทายลูกน้องก่อน เป็นการแสดงให้เห็นว่าลูกน้องคนที่คุณทัก่อนนั้น มีความสำคัญ เขาจะภูมิใจ การที่ผู้นำ ผู้จัดการ หัวหน้างาน ทักทายลูกน้องก่อน เป็นการ “เห็นถึงคุณค่าของอีกฝ่ายหนึ่ง” ครับ
ไม่เฉพาะผู้นำเท่านั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร สูงส่งแค่ไหน ต่ำเตี้ยเพียงใด ให้คุณคิดว่าคนที่คุณทักก่อนนั้นมีความสำคัญกับชีวิตคุณ ยิ่งเป็นพนักงานใหม่ หรือใครก็ตามที่ใหม่กับองค์กร เห็นใครก็ทักทายไปเลยครับ “สวัสดีครับ” ” สวัสดีค่ะ ” แค่นั้นเองง่ายๆ การทักทายใครก่อนมันไม่ได้ให้คุณค่าของคุณลดลง ไม่ได้ให้ศักดิ์ศรีของคุณลดลง ไม่ได้จะทำให้คุณในฐานะหัวหน้าเสียการปกครอง เว้นแต่คุณจะคิดไปเอง ว่ามันเป็นเช่นนี้ สมัยนี้ไม่สำคัญไปกว่าการที่จะแสดงให้ใครสักคนหนึ่งเห็นว่า คนนั้นมีค่า มีความสำคัญ ครับ
ที่สำคัญการทักทาย คุณต้องทักทายด้วยน้ำเสียงที่สดใส เพราะน้ำเสียงที่สดใส แสดงถึงความจริงใจ มีหัวหน้างานจำนวนมากครับชอบแสดงพฤติกรรมคือ เมื่อลูกน้อง ทักทายตนเองแล้ว อาจจะเป็นการทักทายด้วยการสวัสดี หัวหน้างานจะไม่กลับด้วยคำพูด มักจะเอาแต่ ผงกหัว ตอบรับเท่านั้น หากคุณเป็นหัวหน้างานแล้ว ตอบรับคำทักทายของลูกน้องคุณ ด้วยการผงกหัว และทำสีหน้าที่ไม่สดใสเคร่งเครียดตลอดเวลาแล้ว จงเลิกเสียครับ มันไม่ส่งผลดีต่อ ภาวะผู้นำของคุณเลย คุณต้องกล่าวทักทายด้วย น้ำเสียง ที่สดใสกลับเช่นกัน ไม่ต้องกลัว ดอกพิกุล แห่งศักดิ์ศรีจะร่วงออกมาตอนกล่าวรับคำทักทายน่ะครับ ศักดิ์ศรีอยู่ที่ใจ และการกระทำที่คุณแสดงออกมาในฐานะผู้นำต่างหาก
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคน ลดการถือตัวลง และหันมาทักทายบุคคลในชีวิตของคุณด้วยความสดใส โดยเฉพาะลูกน้อง เพื่อนร่วมงานของคุณ เพราะเขาต้องการคำทักทายที่ดูอบอุ่น มากกว่าการวางมาดเฉยๆ ของคุณเอง