ลา เป็นสัตว์บรรทุก ประเภทหนึ่ง ที่คุณคงรู้จักดี มันช่วยบรรทุกของ ตั่งของ และมีหน้าที่เดินไปตามที่คนจูงจะจูงมันไป โดยมันหมดสิทธิ์ที่จะบ่น โดยปริยาย ก็เพราะว่ามันพูดไม่ได้นั่นเอง แต่ถ้าหากของที่มันบรรทุกเกิดหนัก มันก็ได้แต่จะร้อง ลาาาาา ออกมาก็เท่านั้น สุดท้ายหน้าที่มันก็ต้องบรรทุกของต่อไป จนกว่าจะตาย
และเป็นเรื่องน่าเศร้ามากกว่านั้น ที่บรรดาผู้บริหาร ผู้จัดการ ผู้อาวุโส หรือแม้กระทั่งพนักงานเองในองค์กร กลับจะมองลูกน้องของตน หรือแม้กระทั่งเพื่อนๆ ของตนเป็นเหมือนลา ที่เอาแต่จะใช้งาน มอบหมายงานให้เขาอย่างหนัก จนลืมคำนึงถึงความสามารถ ภาระที่เขาต้องรับอยู่เป็นประจำทุกวัน งานของเขาแต่ละวันก็จะทำไม่ทันอยู่แล้ว ก็ยังจะมอบหมายงานให้เขาไปทำ พองานผิดพลาดก็คอยว่า ดุเขา หรือแม้กระทั่งดูถูก ด้วยความคิดว่าหากมีการดุด่า เตือน เหมือนการดุ ตี ลา จะทำให้งานมีคุณภาพมีประสิทธิภาพมากขึ้น หากคุณกำลังคิดแบบนี้อยู่ ผมอยากให้คุณเลิกคิด ซ่ะครับ เพราะมันผิดมากๆ
คน จะไม่ชอบถูกตำหนิ หรือถูกด่าครับ ยิ่งบวกกับความไม่พอใจด้วยแล้ว จะทำให้งานที่สื่อออกมา จะไม่มีคุณภาพเพราะสื่อออกมาด้วยอารมณ์ล้วนๆ อย่าลืมน่ะครับว่า คน มีความคิด วิเคราะห์ ไม่ใช่เหมือน กับ ” ลา ” ที่คุณจะตี หรือดุอย่างไรเขาก็ต้องบรรทุกของให้คุณอยู่ดี
ผมมีวิธีที่จะบอกคุณว่า ยังมีวิธีที่ดีกว่า การดุด่า การบังคับให้ลูกน้อง หรือพนักงานของคุณ ทำงาน โดยก่อนอื่นคุณต้องมองเขาเป็น มนุษย์ก่อนน่ะครับ ผมอาจจะใช้คำแรงไป แต่คุณต้องมองเขาในฐานะมนุษย์ที่มีความรู้สึก นึกคิด มีอารมณ์ มีสิทธิ เหมือนกับคุณ จากนั้นคุณถึงจะทำตามวิธีนี้ได้
1. เปลี่ยนคำพูดของคุณจากคำว่า ” คุณต้องทำตามวิธีที่ผมบอก ” เป็น ” คุณจะมีวิธีหรือทำอย่างไร “
คำพูดที่คุณบอกเขาแบบนี้ เพื่อเป็นการเน้นบอกให้เขา คิดหาวิธีจัดการงานของเขา โดยเป็นการฝึกสมองให้เขาคิด หากเขาเสนอแนวคิดแล้วไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่ คุณจึงจะเสนอแนะบอกเขาน่ะครับ หากคุณเปลี่ยนวิธีการถามใหม่เป็นแบบนี้ จะเป็นการปลูกฝัง ” การรับรู้ในหน้าที่และความรับผิดชอบของตนเอง ” ต่อไปเขาจะทำเอง คิดเอง และตัดสินใจได้เอง ซึ่งต่างจากลา ที่คอยรับคำสั่งด้วยเชือกจูงอย่างเดียว
2. เมื่อคุณสังเกตุพนักงาน หรือลูกน้องของคุณแล้ว สังเกตุว่ามอบหมายงานให้เขามากไป จนเขาเหนื่อย เพลีย คุณต้องสอบถามเขาว่า ” เป็นอย่างไรบ้างงานที่มอบหมายให้ หนักไปไหม มีอะไรให้ช่วยไหม ” นี่เป็นการแสดงความห่วงใย ที่ผู้บริหาร ทั่วไปลืมกัน พนักงาน หรือลูกน้องของคุณต้องการกำลังใจมากกว่าที่คิดน่ะครับ การที่คุณสอบถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย จะเหมือนการให้ความชุ่มชื่นกับจิตใจของพนักงาน ต่างจากลาที่ต้องกินน้ำเพียงอย่างเดียวในการเรียกความชุ่มชื่นแก่ร่างกาย และจิตใจ
3. พูดกับเขาดีๆ สุภาพ ด้วยสีหน้าที่ดูเป็นมิตร ไม่ใช่ทำสีหน้าเหมือนตอนตีลา หรือดุด่าลาเมื่อลาเดินช้า
พนักงานของคุณ ลูกน้องคุณ หรือใครก็ตามในโลกนี้ ต้องการการพูดที่สุภาพ อ่อนโยน ด้วยสีหน้าที่ดี เป็นมิตร เขาจะให้ความร่วมมือกับคุณ ช่วยเหลือคุณ และยอมรับผิดหากเขาทำผิด ต่างจากการที่ใช้คำพูดที่ไม่สุภาพ แนวสั่งการ และทำสีหน้าแบบไม่เป็นมิตร เขาเป็นมนุษย์น่ะครับ ต่างจากลา ที่ถึงแม้คุณจะดุด่า ชักสีหน้าไม่เป็นมิตรแค่ไหนก็ตามมันก็ไม่สนใจ มันสนใจแต่จะบรรทุกของบนหลังมัน เดินทางถึงจุดหมายปลาย และกินอาหาร น้ำเมื่อถึงจุดหมายปลายทางเท่านั้น
วิธีของผู้นำ มีมากมายครับในการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างคุณ กับคนอื่นๆ ทั่วไปโดยเฉพาะลูกน้อง และพนักงานของคุณเอง คุณต้องปกครอง ควบคุมในฐานะที่เขาเป็นมนุษย์เหมือนๆ กับคุณน่ะครับ หากคุณใช้ วิธีการแบบบังคับ ลา ให้บรรทุกของล่ะก็ ก็คงจะมีแค่คำว่า ” ลาก่อน ” ออกจากปากของลูกน้อง และพนักงานของคุณแน่นอน