ปลุกพลังแห่งผู้นำ

สิ่งที่น่ากลัวสุดๆ ในการให้ลูกน้องรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณ คุณ

Rating:

“บุญคุณ” เป็นประโยคที่ฟังแล้วดูดีน่ะครับ และคนที่ให้แล้วผู้รับรู้สึกติดหนี้บุญคุณ คุณนั้นคุณอาจจะรู้สึกดีใช่ไหม และคุณก็อาจจะรู้สึกอยากทวงบุญคุณกับผู้นั้นอยู่ตลอด โดยใช้ประโยคว่า “คุณเป็นหนี้บุญคุณฉันอยู่น่ะ”. หรือ. ” คุณได้ดีทุกวันนี้เพราะฉันสนับสนุน”. เป็นต้น  ซึ่งผมกำลังจะบอกว่า ยังมีสิ่งที่น่ากลัวสุดๆ ที่คุณอาจจะเปลี่ยนความคิดไปเลยก็ได้ จากการให้คนอื่น โดยเฉพาะลูกน้องของคุณเอง รู้สึกติดหนี้บุญคุณ. คุณอยู่ หรือ หากผมเล่าให้ฟัง บางคนก็อาจจะพบเจอเหตุการณ์ดังกล่าวอยู่ก็เป็นได้ครับ

 

การที่คุณใช้ความเป็น อีโก้ ของคุณเองในการปกครอง ในการบริหารจะนำมาซึ่งการสำคัญตนที่มากเกินไป  และรู้สึกว่าการที่ผู้ใต้บังคับบัญชาหรือลูกน้องที่ได้ดิบได้ดี เป็นเพราะคุณส่งเสริม เป็นเพราะคุณสอนงาน ซึ่งจะเกิดโทษมากกว่า. เช่นการที่ลูกน้องคุณได้รับการเลื่อนตำแหน่ง แต่คุณก็ดันไปบอกว่า “การที่คุณได้รับการเลื่อนตำแหน่ง เป็นเพราะฉันส่งเสริมน่ะ ”  เป็นต้น คำพูดเหล่านี้จะเกิดเป็นประเด็นในใจของลูกน้องคุณ จนเกิดเป็น ” การเป็นหนี้บุญคุณที่ไม่สามารถทดแทนได้ ” ทำให้ลูกน้องของคุณไม่มีความสุข รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณ ของคุณตลอดเวลา และเกิดเป็นความรู้สึกลบในจิตใจ. และหากคุณทวงบุญคุณ อ้างบุญคุณบ่อยเข้าจะเกิดเป็นความเกลียดไปเลย. โดยเหตุการณ์ดังกล่าว ได้รับการวิจัยจากนักจิตวิทยา แล้วว่า การเป็นหนี้บุญคุณ จะแปลเป็นความเกลียด ทั้งโดยซ่อนเร้น และโดยเปิดเผย เกิดปมลบในใจของลูกน้อง และจะเกิดเป็นความต่อต้านในใจ  ฉะนั้นก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นกับคุณ. ควรเปลี่ยนวิธีการใหม่ดีกว่าครับ

วิธีการที่จะไม่ให้เกิด การ “เป็นหนี้บุญคุณที่ไม่สามารถทดแทนได้” ในใจ หรือจิตใต้สำนึกของลูกน้องคุณก็คือ  ทุกๆ ครั้งที่ลูกน้องของคุณได้ดีในเรื่องใดก็ตาม โดยเฉพาะในเรื่อง ความก้าวหน้าในอาชีพการงาน  ให้สื่อสารกับลูกน้เองคุณในแง่ที่ว่า. “ทุกๆ ความสำเร็จที่เขาได้รับล้วนมาจากตัวของเขาเองล้วนๆ” ครับ

ยกตัวอย่างเช่น ลูกน้องของคุณได้รับการโปรโมท ให้ได้เลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้น  แทนที่คุณจะบอกว่า เป็นเพราะคุณส่งเสริม คุณก็บอกว่า ” ยินดีด้วยกับการโปรโมท สิ่งที่คุณได้รับ เป็นเพราะความพยายาม ความทุ่มเทของคุณ จนประสบความสำเร็จ ผมภูมิใจกับคุณจริงๆ ”  เป็นต้น ไม่เฉพาะเหตุการณ์เรื่องความก้าวหน้าในอาชีพการงานอย่างเดียวก็ได้ อาจจะเป็นการทำงานของลูกน้องคุณที่มีผลงานที่ดี คุณก็ชมเชยเขา ในแบบที่ว่าทุกอย่างที่สำเร็จล้วนมาจากตัวเขาเองทั้งนั้น.

ด้วยวิธีนี้จะทำให้ลูกน้องรักคุณ และมีความสุขในการทำงานร่วมกับคุณ โดยในใจไม่ได้มีการติดค้างซึ่งกันและกัน ไม่มีโซ่ตรวนคล้องใจกันอีกต่อไป วิธีการนี้คุณสามารถนำไปปรับใช้ได้กับ สมาชิกในครอบครัวของคุณ. เพื่อนๆ ของคุณ และใครก็ตาม ที่คุณต้องการพัฒนาความสัมพันธ์ให้ดีขึ้นโดยที่ไม่มีพันธะ ใดๆ

การส่งเสริม การสนับสนุนลูกน้องของคุณ คุณไม่จำเป็นต้องแสดงออกว่า คุณเป็นคนทำ  ในความเป็นจริงหากคุณส่งเสริมลูกน้องแล้ว และลูกน้องไม่มีความพยายาม ไม่ทุ่มเท เขาก็ไม่ประสบความสำเร็จ  เว้นเสียแต่ว่า เขาจะพยายาม ทุ่มเท เท่านั้น คุณก็มีหน้าที่แค่ส่งเสริมเท่านั้น ฉะนั้นทุกความก้าวหน้าทุกอย่างของเขาเกิดขึ้นจากความทุ่มเท ความพยายาม ตัวของเขาเอง. และเมื่อลูกน้องก้าวหน้า คนที่ภูมิใจที่สุดก็คือ ตัวคุณ ในฐานะผู้นำ นั่นเองครับ

 

 

Tags: , ,

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *

*