บทความนี้เป็นบทความเกี่ยวกับภาวะผู้นำ ที่ขึ้นชื่อเรื่องแปลกซักหน่อยน่ะครับ แต่หากคุณได้รู้ และนำไปปฏิบัติผมรับรองว่า ภาวะผู้นำของคุณจะดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด ด้วยการปฏิบัติตามข้อนี้ เพียงข้อเดียว
คุณสงสัยบ้างไหมครับว่า ทำไมธรรมชาติถึงสร้างให้มนุษย์เรามีเพียง 1 ปาก แต่มีถึง 2 หู ธรรมชาติไม่เคยสร้างอะไรที่ไม่มีความหมายครับ เหตุที่ธรรมชาติสร้างมนุษย์เป็นแบบนี้ก็เพราะว่า ” ธรรมชาติต้องการให้เราฟัง มากกว่าพูดนั่นเอง ”
เพราฉะนั้น การฟังมากกว่าพูด จึงเป็นคุณสมบัติหนึ่งของผู้นำ และมนุษย์ในโลกนี้ที่ควรทำตามธรรมชาติ เพราะการฟังคู่สนทนา โดยเฉพาะลูกน้องของเราอย่างตั้งใจนั้น จะทำให้ลูกน้อง หรือคู่สนทนาของเรา เกิดความประทับใจ เชื่อใจ ไว้วางใจ หากเป็นลูกน้องของเราเอง การที่เราตั้งใจฟังเขา แล้วค่อยพูดนั้น จะสร้างความศรัทธาต่อผู้นำให้เกิดขึ้นในตัวเขา เพราะเขาจะรู้สึกเป็นคนสำคัญ และภาคภูมิใจที่ผู้นำเช่นคุณ ตั้งใจฟังในสิ่งที่เขาเล่า
เมื่อคุณทราบแล้วว่า การฟังสำคัญมากกว่าการพูดอย่างไรแล้ว แล้วจะมีการปรับตัวของเราเองให้มีการรับฟังมากขึ้น ได้อย่างไร ไม่ต้องห่วงครับพฤติกรรมสามารถปรับได้ หากคุณดำเนินการตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
1. คุณต้องเปิดใจก่อน ปรับเปลี่ยนความคิด
เป็นสิ่งแรกที่คุณต้องทำ และปรับเปลี่ยนครับ คือ เตือนตัวเองเสมอว่า “ให้รับฟังก่อน” ทุกครั้ง และเปิดใจว่า ไม่ว่าคนที่คุณพูดด้วยจะเป็นใครก็ตาม ลูกน้อง ญาติ พ่อ แม่ หรือเพื่อนร่วมงาน ไม่ว่าเรื่องราวเหล่านั้นจะขัดใจ หรือไม่ชอบก็ตาม จะไม่ขัดแย้งใดๆ หรือพูดขัดขี้นมาโดยเด็ดขาด จนการสนทนาอีกฝ่ายหนึ่ง สามารถปล่อยช่องให้เราสามารถพูดได้ค่อยพูด หากคุณยังไม่มีความคิดในการเปิดใจรับฟัง ก็ไม่มีประโยชน์ครับ
2. ปรับเปลี่ยนบุคลิกในการรับฟังเสียใหม่
เมื่อเปิดใจในการรับฟังแล้ว. ต่อไปคุณต้องปรับบุคลิกในการรับฟัง โดยในขณะที่ฟังคู่สนทนา หรือแม้มีใครพูดในที่ประชุม ให้เร่ิมด้วยการมองหน้าเขาอย่างเป็นมิตร อย่างตั้งใจ อมยิ้มเล็กน้อย และที่สำคัญอย่าเอามือกอดอก โดยเด็ดขาดน่ะครับ เพราะการฟังไปพร้อมการกอดอก ทางจิตวิทยา คือการแสดงให้ผู้พูดว่า ไม่ยอมรับความคิด และคนพูดหากเห็นปฏิกิริยา ของคุณแบบนั้นแล้ว ธรรมชาติของมนุษย์จะรู้สึกกดดัน และไม่สบายใจ ฉะนั้นคุณต้องปล่อยมือเป็นธรรมชาติ นั่งตัวตรง เอามือวางบนโต๊ะ ด้วยท่าทีผ่อนคลาย ผู้พูดจะได้รู้สึกปลอดภัย ผ่อนคลาย และเกิดความมั่นใจ คุณจะได้ทราบข้อมูลมากขึ้นจากการพูดนั้น
3. ปรับเปลี่ยนการสอบถามเสียใหม่
ส่วนมากแล้ว เมื่อผู้ฟังเกิดความสงสัย ใคร่รู้ จะมีการสอบถามในขณะสนทนาเลย ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม และถูกต้องนัก ใช่การสอบถาม เป็นการแสดงให้ผู้พูดเห็นว่าเราตั้งใจฟัง แต่การที่เราสงสัย และสอบถาม ทะลุมากช่วงที่ผู้พูดกำลังพูดอย่างต่อเนื่อง จะทำลายความมั่นใจของเขา และเกิดความสับสนให้ผู้พูดได้ ดังนั้นหากสงสัยให้จด หรือเก็บประเด็นดังกล่าวไว้ แล้วค่อยสอบถามเมื่อผู้พูด ได้พูดจบแล้ว จะเหมาะสมที่สุด
4. หากการสอบถาม หรือการพูดในวงสนทนา หรือในที่ประชุม กระทบในแง่ลบต่อผู้พูด ให้ไปพูดนอกรอบ
เป็นสิ่งที่ผิดพลาดจากการพูด หรือสอบถาม หลังจากการฟังมาก หากเรื่องที่จะเราจะถามในฐานะผู้นำนั้น กระทบในแง่ลบ กับผู้พูด คุณควรจะพูดกับเขานอกรอบครับ เพราะคนเราก็ต้องรู้สึกไม่อยากเสียหน้า. ไม่อยากถูกประจาน ไม่อยากอับอาย ฉะนั้นในข้อนี้สำคัญไม่แพ้การตั้งใจฟังเลย เราในฐานะผู้นำควรเอาใจเขามาใส่ใจเรา ครับ
และนี่คือ แนวทางในการรับฟัง เพื่อฝึกการเป็นผู้นำ ผู้อ่านแต่ละคนอาจจะมีวิธีการที่แตกต่างกัน แต่สุดท้ายแล้ว ก็ไม่พ้นหลักการข้อเดียวก็คือ ” ต้องตั้งใจฟัง และพูดให้น้อยที่สุด ” ครับ
