ทำงานมากี่ปีแล้ว ขยันทำงานแทบตาย คนอื่นก้าวหน้าไปหมด แต่เรายังอยู่กับที่ไม่ไปไหน กล่าวโทษ น้อยใจองค์กร หรือบริษัท ที่ไม่เห็นคุณค่าเลย บ่นโน่นบ่นนี่กับเพื่อนพนักงานบ้าง บ่นกับตัวเองบ้าง สุดท้ายลาออกไปหางานใหม่ที่เขาเห็นคุณค่าดีกว่า
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังคิดแบบนี้อยู่ ผมขอบอกไว้เลยว่า คุณกำลัง “สิ้นคิด สิ้นดี” ผมไม่ได้ด่า ไม่ได้ว่า ไม่ได้ประชดครับ เพียงแต่วิธีคิดของคุณเป็นแนบคิดที่เป็น Mind Set หรือกรอบความคิดที่ไม่เติบโต คุณมีความคิดเช่นนี้ ถึงคุณจะเปลี่ยนที่ทำงานอีกกี่สิบบริษัท คุณก็จะยังไม่ก้าวหน้า เป็นแค่พนักงานระดับล่าง ถึงกลางๆ อยู่ดี มีวิธีการเดียวเท่านั้นที่คุณจะดูสำคัญ ดูโดดเด่น คุณต้องเปลี่ยนวิธีคิด และการกระทำเสียใหม่ตั้งแต่วันนี้
แล้วจะมีวิธีการคิด การกระทำแบบใดเล่าที่จะยกระดับเราให้เป็นพนักงานที่โดดเด่น ที่มีความสำคัญต่อองค์กร และก้าวหน้าในสายงานได้ เรามาเริ่มกันเลยครับ รับรองทำตามก้าวหน้าแน่นอน
1. ก่อนอื่นคุณต้องสำนึกรู้คุณบริษัท หรือองค์กรที่คุณทำงานก่อน
คุณจะไม่มีวันก้าวหน้าได้หากคุณไม่สำนึกรู้คุณองค์กรของคุณเอง คุณจะไม่มีวันก้าวหน้าได้หากคุณเอาแต่กล่าวโทษองค์กร ที่ทำให้คุณไม่ก้าวหน้าไปไหน ต่อจากนี้ไปให้เปลี่ยนความคิดใหม่ โดยให้คุณรับผิดชอบกับตัวคุณ 100% ในทุกๆ การกระทำของคุณ การที่คุณไม่ก้าวหน้าไปไหนเพราะความคิด และการกระทำของคุณเอง ไม่เกี่ยวกับองค์กรเลย คุณต้องขอบคุณสำนึกรู้คุณองค์กรด้วยความจริงใจ เพราะเขาให้งานคุณทำ ให้อาชีพคุณ ให้เงินเดือนคุณ ไม่มีเหตุผลข้อไหนเลยที่คุณจะกล่าวโทษองค์กร องค์กรเขามีพระคุณกับคุณ ฉะนั้นคุณต้องสำนึกรู้คุณสถานที่ที่คุณทำงานอยู่ ฉะนั้นขอบคุณ สำนึกรู้คุณที่ทำงานของคุณตั้งแต่วันนี้ ก่อนที่จะเริ่มในขั้นตอนต่อไป
2. ต้องเข้าไปทำงานที่คนอื่น เขาไม่อยากทำ
งานไหนที่พนักงานคนอื่นไม่อยากทำ ไม่อยากแตะ ไม่อยากยุ่ง ขอให้คุณคิดเป็นเรื่องสนุก เรื่องท้าทาย เรื่องตื่นเต้น คุณต้องทำตัวเหมือนเด็กที่กล้าลอง กล้าถาม กล้าทำในงานใหม่ที่คนอื่นๆ เขาไม่กล้าทำ อย่าไปคิดที่ผลของการทำงานในอนาคต ไม่มีใครรู้หรอกครับว่าผลเป็นอย่างไร แต่ที่ได้แน่ๆ คือคุณจะโดดเด่น เป็นคนสำคัญ พนักงานในองค์กรจะเริ่มอยากรู้จักคุณ คุณจำไว้น่ะครับว่า งานง่ายๆ ไม่เคยสร้างคน งานเรียบๆ เรื่อยๆ ไม่มีอุปสรรคใดๆ เลยไม่เคยทำให้ใครโดดเด่น หรือเป็นคนสำคัญในองค์กร เหตุที่พนักงานทั่วไป ไม่ก้าวหน้า ยังคงเป็นพนักงานระดับล่าง จนถึงระดับกลางอยู่ไม่ไปไหน เพราะเขาทำงานแต่งานง่ายๆ ที่วางกฎเกณฑ์ไว้อยู่แล้ว พอมีผู้มาเสนองานที่ยากๆ หนักๆ ให้ก็คิดว่า ทำไม่ได้ เพราะทำงานง่ายๆ จนเคยชิน นี่แหละครับเป็นสาเหตุที่ทำให้หน้าที่การงานไม่ไปไหน. เปลี่ยนความคิดใหม่ พุ่งชนงานทุกอย่างที่คนอื่นไม่อยากทำ ให้รู้ไปซิ ว่าจะยาก หรือทำไม่ได้ ต้องคิดแบบนี้ซิ
3. เมื่อองค์กร หรือบริษัทกำลังเผชิญกับภาวะวิกฤต เป็นโอกาสที่คุณจะแสดงฝีมือ ให้ยกมืออาสาเข้าทีมแก้วิกฤตก่อนเลย อย่างอื่นค่อยว่ากัน
แน่นอนครับ องค์กรที่คุณทำงานอยู่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป ต้องมีวิกฤตที่องค์กรต้องเผชิญบ้าง อาจจะเป็นวิกฤติทางเศรษฐกิจที่กระทบต่อองค์กร. วิกฤตในเรื่องการขาดแคลนบุคลากรทำงานในสายงานนั้น และวิกฤตอื่นๆ ที่สำคัญขององค์กร ให้คุณยกมืออาสาแก้วิกฤตนั้นร่วมกันกับทีม ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องกังวล ทำได้ไม่ได้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากคุณยกมือ หรืออาสาในการแก้วิกฤต หรือทำหน้าที่สำคัญในการแก้ไขสถานการณ์ที่สำคัญขององค์กร คุณจะโดดเด่นเป็นที่สำคัญทันที ผู้บังคับบัญชาระดับสูงจะเห็นคุณค่าของคุณ ปัญหาทุกอย่าง วิกฤตทุกอย่างสามารถแก้ไขได้ ให้คุณเข้าไปแก้วิกฤตทั้งๆที่ไม่รู้ลึกนี่แหละ เข้าไปแล้วศึกษาทุกอย่าง ทำงานหนัก เผชิญกับมัน เกาะไว้ ตื้อไว้ ทางออกมีแน่นอนครับไม่ต้องห่วง เมื่อคุณแก้วิกฤตได้ เมื่อนั้นแหละ คุณจะเป็นพนักงานที่สำคัญขององค์กร ความก้าวหน้า รายได้ที่ดีขึ้นจะไปไหนเสีย
สุดท้ายนี้ ขอฝากไว้ว่า ” งานไหนที่ไม่มีปัญหาทำไปวันๆ ไม่มีวันทำให้คนๆนั้นประสบความสำเร็จหรือ โดดเด่นในองค์กรได้ งานที่มีปัญหาท้าทาย มีอุปสรรค งานนั้นแหล่ะครับ จะทำให้คุณก้าวหน้า และคุณจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน ” ขอยืนยันครับ