ถามก่อน “คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อเขามาเล่าความสำเร็จของเขา ให้คุณฟัง” หากคุณตอบว่า “ฉันก็ยินดีกับเขาด้วยความเต็มใจ” ก็ยินดีด้วยครับ แสดงว่าคุณมีความสุขทางด้านจิตใจอย่างมากคนหนึ่ง แต่หากคุณคิดว่า “ความสำเร็จของเขาน่ะหรือ ฉันก็เคยทำมาแล้ว” หากคุณมีความคิดเช่นนี้ตั้งแต่แวปแรก เมื่อคุณได้รับฟังเรื่องความสำเร็จ หรือความภาคภูมิใจ. คุณเป็นคนที่มีอัตตาพอสมควร และไม่ค่อยมีความสุขในจิตใจมากนัก หรือพูดตรงๆ ก็คือ คุณไม่ได้หน้าทางสังคม นั่นเอง. แรงไปนิดครับ แต่เป็นความจริง
ทำไมถึงรู้สึกว่า การที่ใครมาอวด หรือพูดเรื่องที่เขาภูมิใจ ให้คุณฟัง และคุณรู้สึกไม่พอใจ คุณเคยทำแบบนี้มาแล้ว และสำเร็จมากกว่าด้วยยังไม่พูดอวดเลย และคุณอาจจะแสดงและพูดกลับไปกลับเขาเลย ว่า “ฉันก็เคยทำน่ะเรื่องนี้”. แล้วคุณก็เล่าเรื่องของคุณไปเลย โดยที่เขาพูดไม่จบ อวดไม่เสร็จ และส่วนมากแล้วนิสัยของคนที่ฟังเรื่องดีๆของคนอื่น แล้วเกิดไม่พอใจ รำคาญนั้น เป็นนิสัยเกือบ 80% เลยน่ะครับที่แสดงกลับไปแบบนี้
เนื่องมาจากว่าคุณมีอัตตา ที่สูงประจำตนไงครับ เลยทำให้คิดว่า “ความสำเร็จของคุณนั้น สำเร็จกว่าความสำเร็จของเขา ” อัตตา คือการที่คุณต้องการให้คุณ เป็นคนพิเศษ เป็นคนสำคัญในสังคม ในวงสนทนา ทำให้เราต้องคอยขัดเรื่องที่เล่าของคนอื่น และมาเล่าเรื่องสำค้ญๆ เรื่องความภาคภูมิใจของตนเอง ซึ่งเป็นการส่งผลเสียกับคุณมากเหลือเกินครับ. และที่สำคัญเป็นการทำลายความสัมพันธ์ มาก เนื่องจากว่าในช่วงที่คุณกำลังดึงบทสนทนา ของคนที่กำลังเล่าเรื่องของเขาอยู่ และมาเล่าเรื่องของคุณเองนั้น คุณอาจจะรู้สึกมีความสุข ภาคภูมิใจ เบิกบานใจ แต่สำหรับคนที่กำลังเล่าเรื่องของเขาอยู่นั้น จะเสียความรู้สึก และรู้สึกแย่มากกับตัวคุณ. ซึ่งมันไม่ดีเลย มีแต่เสีย กับเสียเท่านั้น ไม่ได้อะไรเลย
ลองมาเปลี่ยนใหม่ครับ ให้คุณฝืนความรู้สึกด้วยการรับฟัง เรื่องราวของเขา และให้เขาได้หน้า ด้วยความสงบแทน ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องราวความภาคภูมิใจที่คุณเคยทำมาแล้ว. หรือเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับผลงานของคุณ และเขากลับมาเล่าเหมือนเป็นความสำเร็จของเขาก็ตาม. แทนที่คุณจะทะลุกลางปล้อง ว่า ” อันนี้ฉันก็เคยทำมาเหมือนกันน่ะ” ก็รับฟังเขา และสนับสนุนเขาให้เขาพูดต่อไปด้วยคำพูดที่ว่า. “โอ่โห เยี่ยมไปเลย คุณสุดยอดจริง”. ” น่าสนใจมากเล่าต่อเลย ” ให้เขารู้สึกว่า คุณมีส่วนร่วม และมีอารมณ์อิ่มเอมไปพร้อมกับเขา รับฟังเขาด้วยความตั้งใจ ที่สำคัญเขาจะไม่รู้สึกว่าต้องแข่งขันกับคุณ. ต้องอวดคุณ ต้องเบ่งใส่คุณ. เขาจะรู้สึกผ่อนคลาย สบายใจมากขึ้น. เขาจะเกิดความศรัทธา และชอบในตัวคุณ คุณจะมีเสน่ห์มากขึ้น. รวมถึงตัวของคุณเอง ก็สบายใจมากขึ้น ไม่ต้องคอยระแวง หรือคอยลุ้นว่าคุณต้องพูดตอนไหน. และพูดอย่างไร
ปล่อยให้เขาได้หน้า พูดในสิ่งที่เขาภาคภุมิใจไป ยอมให้เขาได้รับความสนใจไปครับ เมื่อนั้นจิตใจคุณจะเบาลง ไม่คอยแก่งแย่งชิงการเล่าเรื่องกัน ไม่ต้องเหนื่อย คุณจะมีเสน่ห์มากขึ้น มีความมั่นใจมากขึ้น อย่างแน่นอน เชื่อผมครับ