ไม่ว่าคุณจะทำงานที่ไหน ตำแหน่งอะไร คุณต้องเคยถูกคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง เจ้านาย นินทา หรือให้ร้ายคนอื่นให้คุณฟังอยู่เสมอ ซึ่งแน่นอนการให้ร้ายที่คุณได้ยินคงไม่ใช่ข่าวดีแน่ๆ ส่วนมากแล้วปกติด้วยความเป็นมนุษย์ จะไม่ค่อยนินทาเรื่องที่ดีๆ ของคนอื่นให้ฟังมากนัก
ที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ว่า เรื่องราวให้ร้ายคนอื่นที่คุณได้ยินนั้นเป็นเรื่องอะไร ร้ายแรงแค่ไหน แต่ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีปฏฺิกริยา ในการแสดงออก และคิดกับเรื่องนั้นอย่างไรต่างหาก
การตอบสนองทางด้านความคิด และการกระทำของคุณต่อการรับรู้เรื่องราวให้ร้ายนั้น เป็นสิ่งที่ตัดสินคุณได้เลยน่ะครับว่า คุณเป็นคนแบบไหน มีภาวะผู้นำหรือไม่ และที่ร้ายแรงกว่านั้นสิ่งนี้จะชี้ให้เห็นเลยว่าคุณเป็นคนทำงานแบบใด มีนิสัยแบบไหน ไว้วางใจได้แค่ไหนอีกด้วย
ยิ่งคุณเชื่ออย่างสนิทใจเลยว่า เรื่องราวให้ร้ายที่คุณได้ยินนั้นเป็นเรื่องจริง โดยที่คุณยังไม่มีข้อมูลใดๆ เลยที่จะพิสูจน์ได้ว่า เรื่องของคนที่ถูกให้ร้ายนั้นถูกต้องหรือไม่? ผมจะบอกได้เลยว่า คุณจะเป็นคนที่ไม่มีหลักการ ขาดการวิเคราะห์ หูเบา และไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการใช้คำว่า ผู้นำ เลย คิดดูสิครับ หากคุณเชื่อเรื่องให้ร้ายดังกล่าวแล้ว และนำไปบอกให้คนอื่นต่ออีก จะส่งผลกระทบร้ายแรงแค่ไหนกับ ผู้ที่ถูกให้ร้ายมากเพียงใด
ฉะนั้นหากคุณได้ยินเรื่องราวให้ร้าย เรื่องราวที่คนอื่นนินทาผู้อื่นให้คุณฟัง คุณควรจะใช้วิธีการเหล่านี้ไปใช้ครับ
1. อย่าเชื่อ 100% ให้แบ่งความคิดไว้ว่าเชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง
อย่าตัดสินคนเพียงแค่ลมปากคน คุณต้องใช้ความคิดวิเคราะห์ หาข้อมูล สังเกตุ โดยดูจากพฤติกรรมที่คุณเคยได้สัมผัส จากเขาว่าเขาเป็นคนแบบใด เพราะคุณไม่ได้เห็นการกระทำนั้นด้วยตาตนเอง ให้คุณฟังการให้ร้ายนัั้นก่อน และไม่ควรแสดงปฏิกริยาใดๆ ที่เป็นการสนับสนุน หรือขัดแย้ง เน้นน่ะครับฟังก่อนแบบนิ่งๆ อย่าเพิ่งตัดสิน
2. อย่างไปไล่ถามคนที่เกี่ยวข้องกับผู้ถูกให้ร้าย ว่ากระทำจริงหรือไม่
มีหลายคนครับที่เมื่อได้รับฟังการให้ร้าย แล้วไปไล่ถามผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ถูกให้ร้ายว่า เป็นจริงหรือไม่ ไม่งั้นคุณก็ไม่ต่างจากคนที่ให้ร้าย เผลอๆ หากผู้ถูกให้ร้ายทราบว่าคุณไปไล่ถามเพื่อนๆ คนที่รู้จักของเขา พาลเดี๋ยวเขาจะไม่พอใจคุณอีกคน พลาดมาเยอะแล้วน่ะครับ ฉะนั้นไม่ควรทำครับ
3. วิเคราะห์เรื่องราวการให้ร้ายว่า ร้ายแรงแค่ไหน
ทำไมผมถึงบอกให้คุณวิเคราะห์เรื่องราวการให้ร้ายว่า ร้ายแรงแค่ไหน การให้ร้ายทั่วไปมี 2 ประเด็นน่ะครับ คือ ประเด็นแรก ประเด็นให้ร้ายที่เป็นการนินทาทั่วไปที่ไม่ค่อยสำคัญ ส่วนมากจะเป็นพฤติกรรม และเรื่องราวส่วนตัวของคนนั้น เช่น การทำงาน ปัญหาครอบครัว เป็นต้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องราวที่กระทบกับองค์กรเลย ส่วนประเด็นที่สอง คือ ประเด็นที่เกี่ยวข้อง หรือกระทบกับองค์กรการทำงานของคุณ เช่น ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต ประเด็นที่กระทบเกี่ยวกับชื่อเสียงขององค์กร ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงที่สามารถฟ้องร้องในแง่กฎหมายได้ หากเป็นประเด็นเรื่องราวให้ร้ายข้อที่สองนี้ จะนิ่งเฉยไม่ได้ครับ คุณควรแจ้งให้ ผู้บริหารทราบ และดำเนินการสอบสวน เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายทันที เพราะเป็นประเด็นที่กระทบต่ออนาคต ชื่อเสียง ขององค์กร และผู้ที่ถูกให้ร้าย โดยหากสอบสวนแล้ว เรื่องราวให้ร้ายนั้นไม่เป็นความจริง จะต้องมีการลงโทษผู้ที่กล่าวหาเพราะกระทบต่อชือเสียงของผู้ถูกใส่ร้าย และองค์ฏร แต่หากเป็นความจริง ก็ต้องเข้าสู่ขบวนการต่างๆ ที่เหมาะสมต่อไป
4. กรณีที่เรื่องนินทาให้ร้ายผู้อื่นที่คุณได้ยินนั้น ( ไม่ใช่ประเด็นที่กระทบต่อองค์กร ตามข้อ 3 ) จากการวิเคราะห์ของคุณแล้ว อาจจะเป็นความจริง หรือไม่เป็นความจริงก็ตาม คุณก็ควรวางเฉยซ่ะครับ มันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของคุณเลยที่คุณจะต้องไปสนใจ หรือบอกต่อ หันกลับมาทำงานของคุณเองดีกว่าครับ ไม่ต้องปวดหัวด้วย
เห็นไหมครับสุดท้าย การที่คุณได้รับทราบเรื่องการนินทาให้ร้าย ที่ไม่ได้กระทบร้ายแรงต่อองค์กร และกฎหมาย คุณก็ไม่สามารถทำอะไรได้ คุณจะไปไล่ถามผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ถูกให้ร้ายหรือ คุณจะวิเคราะห์หรือ สุดท้ายคุณก็ไม่รู้ว่าเรื่องนินทาให้ร้ายนั้นจะเป็นความจริง 100% เรื่องนินทาในที่ทำงาน หรือนอกที่ทำงาน เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ครับ ฉะนั้นคุณควรวางเฉย และกลับไปทำงาน สุดท้ายผมเชื่อว่า การกระทำที่ไม่ดี ก็จะเปิดออกมาไม่วันใด ก็วันหนึ่ง เวลาจะเป็นตัวตัดสินใจทุกอย่าง ในเวลาที่เหมาะสมเองครับ