” มันเกี่ยวอะไร “ การที่ฉันทำอะไรในวันนี้ มันเกี่ยวอะไรกับอนาคต …… คุณคงคิดบ่นผมอยู่ล่ะสิ ว่า ปัจจุบัน กับอนาคตมันคนล่ะช่วงเวลากัน แล้วมันจะสอดคล้องและสัมพันธ์กันอย่างไร
ยินดีด้วยหากคุณคิดแบบนี้ คุณกำลังเป็นผู้ใช้ชีวิตของคน 90% บนโลกนี้ที่ยังคงใช้ชีวิตอยู่กับที่ ไม่ค่อยจะสำเร็จเท่าไหร่ เงินทองก็พอใจไม่ร่ำรวย วันเวลาผ่านไปแบบเนิบๆๆๆๆ พอนานๆ เข้าก็บ่นว่า โชคชะตาคงกำหนดให้เราเป็นแบบนี้ ใช่ไหม ฮ่าๆๆ น่าขันตัวเองน่ะครับ
ผมไม่ได้คิดจะตำหนิใครผมแค่จะยกตัวอย่างให้คุณได้เข้าใจก่อนจะเข้าเนื้อหากัน ผมขอให้คุณลองคิดหาคำตอบจาก คน 2 คนนี้ ผมจะตั้งชื่อแบบ ง่ายๆ แล้วกันว่า นาย A กับ นาย B
นาย A และ นาย B มีอาชีพเป็นพนักงานบริษัท กินเงินเดือนยังชีพทั้งคู่ แต่ต่างกันตรงที่การดำเนินชีวิตครับ
นาย A : ตื่นเวลา 07.00 น. โดยงานจะเริ่มทำงานเวลา 08.00 น. เมื่อนาย A ตื่นนอนจึงรีบอาบน้ำ แปลงฟัน และแต่งตัว ดูFacebook ซ่ะหน่อย แถมด้วย Line อีกนิดว่าแฟนตนได้ติดต่อทักทายกันตอนเช้าไหม ดูเพลินไปนิดก็เวลา 07.30 น.จึงรีบขับรถออกไปทำงาน ระหว่างทางก็แวะ 7 eleven เพื่อซื้ออาหารเช้าติดมือไปทานที่ ออฟฟิต ถึงออฟฟิตเวลา 07.55 น. ฉิวเฉียดทีเดียว จึงเริ่มทำงาน โดยทานอาหารเช้าที่ซื้อมาไปด้วย เผลอแพลบเดียว ก็เที่ยงพอดี ก็ไปกินข้าวเที่ยง จากนั้น 13.00 น. ก็ทำงานต่อ จนถึงเวลา 17.00 น. ก็เลิกงาน ก็ไปสังสรรค์กินเหล้ากับเพื่อน จนถึงเวลา 22.00 น. ก็กลับบ้าน อาบน้ำ แปลงฟัน ดูทีวีสักนิดหนึ่งก็นอน เสร็จแล้วก็ตื่นเวลา 07.00 น. แบบนี้เกือบทุกวัน
นาย B : ตื่นนอนเวลา 05.30 น. เมื่อตื่นนอนจึงรีบแปลงฟันล้างหน้า จากนั้นจึงอ่านหนังสือด้านการพัฒนาตนเอง และแนวกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ชื่นชอบ จากนั้นเวลา 06.00 ก็นั่งสมาธิประมาณ 15 นาที แล้วจึงออกกำลังกายอีก 15 นาทีด้วยเครื่องออกกำลังกายประจำบ้าน จนถึงเวลา 06.30 จึงอาบน้ำ แต่งตัว เสร็จเวลา 07.00 น. ก็ทานอาหารเช้าที่เตรียมไว้ เวลา 07.15 น. ก็ขับรถออกจากบ้านไปทำงาน ถึงที่ทำงานเวลา 07.40 น. ก็เริ่มวางแผนทำงานที่ค้างไว้ เวลา 08.00 ก็ทำงานอย่างเต็มที่ แพลบเดียวก็ถึงเวลา 12.00 น. ก็ไปกินข้าว ถึงเวลา 13.00 น.ก็ทำงาน เลิกงานเวลา 17.00 ก็รีบกลับบ้าน ก่อนเข้าบ้านก็แวะซื้ออาหารเย็นที่ตลาด ถึงบ้านเวลา 18.00 น. ทานอาหารเย็น 19.00 น. ก็อาบน้ำ แปลงฟัน เสร็จเวลา 19.30 น. ก็อ่านหนังสือเพิ่มเติมความรู้ด้านการลงทุนต่างๆ ที่ตนสนใจ เวลา 22.40 น. ก็เข้านอน และตื่นเวลา 05.30 น. ทุกวัน
ลองเดา หรือพิจารณาดูน่ะครับว่า ระหว่างนาย A และ นาย B ในอนาคตใครจะประสบความสำเร็จ ร่ำรวย และมีชีวิตที่สุขสบายมากกว่ากัน คงเดากันถูกน่ะครับว่า แน่นอนอยู่แล้วว่า นาย B จะต้องเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในอนาคตอย่างไม่ต้องสงสัย
เพราะอะไรน่ะหรือครับ….. ก็เพราะว่า นาย B นั้นใช้ต้นทุนอย่างหนึ่งซึ่งทุกๆ คนในโลกนี้มีเท่ากันนั่นก็คือ เวลาครับ ทุกคนมี 24 ชั่วโมงเท่ากันขึ้นอยู่กับว่า แต่ละคนจะใช้มันได้คุ้มค่าแค่ไหน ผมไม่เถียงครับว่า การได้กระทำในสิ่งที่ตนเองชอบนั้น มันให้ความสุขกับเรา แต่สิ่งที่ตนเองชอบทำนั้น มันตอบโจทย์ความสำเร็จในอนาคตหรือไม่
คุณจะเล่นเกมส์ออนไลน์ นัดสังสรรค์กับเพื่อนๆ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ตอบความสนุกของทุน แต่กิจกรรมเหล่านี้คุณควรแบ่ง จัดสรรเวลาให้เหมาะสม อย่าให้มากจนเกินไป คิดง่ายๆ ครับคุณเล่นเกมส์ในวันหยุด เสาร์ อาทิตย์ 5-6 ชั่วโมง แต่บางคนเอาเวลา 5-6 นั้นไปหาความรู้ด้วยการอ่านหนังสือ เข้าคอร์สอบรมสัมมนา ในการสร้างชีวิต โดยอาจจะแบ่งเวลาไปเล่นเกมส์สัก 1 ชั่วโมงเป็นต้น แบบนี้อนาคตก็แตกต่างกันแล้ว
ในเรื่องการเงินก็เช่นกันหากวันนี้ควรเน้นชีวิตในเรื่องการกินเลี้ยงสังสรรค์ ซื้อของแบรนด์เนม แต่ไม่เคยได้ใช้เลย กินอาหารอย่างหรู โดยที่ตนเองมีเงินเดือนไม่ได้มากมาย กับอีกคนหนึ่ง พอเงินเดือนออก ก็แบ่งออม แบ่งลงทุน แล้วค่อยใช้จ่าย คนประเภทหลังในอนาคตแน่นอนอยู่ว่าจะต้องร่ำรวย และประสบความสำเร็จทางการเงินมากกว่าคนประเภทแรกอย่างไม่ต้องสงสัย
ที่ผมบอกมาไม่ใช่จะบอกใครให้อารมณ์เสีย แต่ผมกำลังจะบอกว่า นับตั้งแต่วันนี้ไป หากคุณกำลังคิดว่าชีวิตของคุณมันไม่ไปไหนเลย ไม่เกิดความก้าวหน้าใดๆ หรือไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตสักที และเกิดท้อแท้ ให้คุณกลับไปทบทวนการใช้ชีวิตของคุณทุกในปัจจุบันนี้ว่า ” คุณได้ปฏิบัติตน ครองตนอย่างไร ที่จะนำคุณไปสู่ความสำเร็จ ความก้าวหน้าในชีวิต “ เขียนใส่กระดาษตั้งแต่ตื่นนอนว่าทำอะไรบ้าง จนถึงก่อนคุณนอนหลับ หากคุณทำเช่นนี้คุณจะรู้ได้ทันทีเลยว่า เพราะคุณทำนิสัยแบบนี้น่ะเอง ที่ทำให้ชีวิตเรา ไปไม่ก้าวไปไหนสักที
เริ่มเปลี่ยนแปลงชีวิต การครองชีวิตในปัจจุบัน ให้ดีมีคุณค่า ใช้เวลาที่มีอยู่อย่างรู้คุณ จัดสรรค์เวลาให้ถูกต้องกับกิจกรรมที่ถูกต้อง เมื่อนั้นประตูความสำเร็จในอนาคตของคุณก็จะเปิดออก และเมื่อนั้นคุณจะขอบคุณตัวเองที่คิดได้ อย่ารู้สึกตัวอีกทีเมื่อเราอายุ 60 ปีแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นคุณจะแค่ได้พูดว่า ” รู้งี้ “ มันเจ็บน่ะครับขอ บอก
