“คนนั้นโชคดีจังที่ประสบความสำเร็จ” “เธอโชคดีจังที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง” “ดูคนนั้นซิ โชคดีจังที่ทำ โปรเจค สำเร็จ ถึงได้ก้าวหน้าดูเด่นกว่าคนอื่น” และอื่นๆ อีกมากมายที่คุณ หรือใครก็ตามคิด หรือกล่าวไว้ว่า คนๆนั้นโชคดี เนื่องมาจากโชคจริง หรือเกิดจากสิ่งที่ไม่รู้ไม่เห็น ที่จริงแล้วมันไม่ได้เกี่ยวกับ สิ่งที่ไม่รู้ไม่เห็นเลย. ส่วนเรื่องโชคดีอื่นๆ เช่นถูกหวย และ/หรือ เดินไปเดินมาก็พบเจอคนดีๆ มาเป็นแฟน ผมไม่เถึยงอันนี้เกิดจากโชคจริงๆ. แต่ที่ผมจะนำมากล่าวในบทความนี้ก็คือ. “โชคดี ในเรื่องของการทำงาน ” ที่ใช้หล่อเลี้ยงชีวิตของเรานี่แหล่ะครับ
ในการสร้างโชคดีให้เกิดในที่ทำงานนั้น บางคนบอกว่า มันเป็นไปไม่ได้ คนๆนั้นจะต้องมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือสิ่งที่ไม่รู้ไม่เห็นอยู่กับตัว ผมไม่ได้ลบหลุ่น่ะ เหตูผลอันนี้เป็นเหตุผลที่คนส่วนใหญ่คิดกัน. แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงเหตุผลที่เป็นเหตุผลจริงๆ ตัดสิ่งไม่รู้ไม่เห็นไปก่อนน่ะครับ และคุณสามารถนำไปใช้ได้เลยในการทำงาน เพื่อสร้างโชคดีให้กับคุณ โดยไม่ต้องรอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มาช่วยคุณ ไม่ต้องรอโชคชะตามาดลบันดาล คุณสามารถสร้าง โชคดีในเรื่องการทำงานได้เลย. โดยปัจจัยที่ทำให้เกิดโชคดี มีอยู่ด้วยกัน 2 ปัจจัยด้วยกัน คือ
1. โอกาส
เมื่อขึ้นปัจจัยแรกมา. ความคิดคุณก็คิดค้านในใจเลยใช่ไหมครับ ” นี่ไงหล่ะโอกาส จะไม่เกี่ยวกับสิ่งไม่รู้ไม่เห็นได้อย่างไร ” ผมบอกแล้วว่าให้ตัดสิ่งที่ไม่รู้ไม่เห็นออกไปก่อน แล้ววิเคราะห์กันที่เหตุผลจริงๆ โอกาสนี่แหละครับ สร้างได้ด้วยตนเอง. เช่น. การที่คุณเป็นคนขยัน ไม่แบ่งแยกว่างานนี้เป็นของใคร เมื่อผู้บังคับบัญชาใช้ให้ทำอะไร ก็ทำอย่างไม่เกี่ยงงอน บางคนหากผู้บังคับบัญชาใช้งานเยอะ ก็คิดก่อนเลยว่า นี่ไม่ใช่หน้าที่ของตน ทุกวันนี้ก็งานเยอะอยู่แล้ว ยังเอางานมาให้ทำอีก. งานนี้ไม่เคยทำฉ้นจะทำได้อย่างไร. คำพูดหรือความคิดเช่นนี้แหละครับ ที่ขัด และขวางความโชคดีที่เกิดขึ้น. คนที่มีโอกาสเข้ามามากมายนั้น จะมีกรอบความคิด ( Mindset ) ที่เรียนรู้ตลอดเวลา มองงานตรงหน้าที่ได้รับมอบหมาย เป็นโอกาสในการเรียนรู้. คิดว่างานที่ผู้บังคับบัญชามอบหมายให้ เพราะเขาไว้วางใจ จึงทำอย่างเต็มที่อย่างไม่เกี่ยงงอน พร้อมจะรับงานใหม่ๆ เพื่อเรียนรู้ตลอดเวลา. ” งานนี้ไม่รู้ ฉันก็จะรู้ให้ได้ มันจะยากแค่ไหนกันเชียว” ฉะนั้น “โอกาส” จะมาหาคนที่พัฒนา ทุ่มเท เรียนรู้ ตลอดเวลา การปฏิเสธงาน เป็นการขัด และตัดโอกาส ที่ดีๆ เข้ามาในชีวิต คุณนั่นแหละที่จะกำหนดว่า โอกาส จะเข้ามาเมื่อไหร่ บ่อยแค่ไหน ก็เพราะการกระทำของคุณเอง
2. การเตรียมพร้อม
สืบเนื่องมาจาก ปัจจัยแห่งโชค ข้อแรกเลยครับ การเตรียมพร้อมรับกับโอกาสดีๆ โดยมีการปรับ Mindset ให้พร้อมรับงาน เรียนรู้ ปรับปรุงงานตลอดเวลาอย่างไม่เกี่ยงงอน จะเป็นการเรียนรู้ไปโดยอัตโนมัติ ยกตัวอย่าง. คุณต้องการความก้าวหน้าที่จะเป็นผู้จัดการแผนกการตลาด พนักงานคนแรกตำแหน่ง พน้กงานธุรการ ได้รับงานต่างๆ จากผู้บริหารในแผนกการตลาด ให้ทำงานโน่น งานนี่ ตลอดเวลา โดยที่คุณไม่เกี่ยวงอน เลยว่าเป็นงานของคุณหรือไม่ คุณทำหมดตั้งแต่ติดต่อลูกค้า วางแผนกลยุทธ์ นัดคิว จัดคิว วางแผนจัดทำสื่อ และอื่นๆ ทั้งหมด และเลิกงานหลังเวลางานเป็นประจำเพื่อเรียนรู้ ส่วนนอกงานคุณก็ยังแสวงหาความรู้ทางการตลาด รวมถึงการครองตน ทำตัว มารยาท บุคลิกที่เหมาะสมทางอินเตอร์เน็ต เพื่อนำมาพัฒนาตนเอง รวมถึงอ่านหนังสือด้วยทุกอย่าง ส่วนพนักงานคนที่สองนั้น. ตำแหน่ง พนักงานธุรการอาวุโส. พอผู้บังคับบัญชามอบหมายงานให้เยอะเข้า ก็แย้งผู้บังคับบัญชาไปว่า “งานนี้ทำไมถึงไม่มอบให้คนนั้น ไม่ใช้หน้าที่ของดิฉันเลย”. ทำเฉพาะงานที่ได้รับมอบหมายอยู่ตรงหน้า. ถึงเวลาเลิกงานก็เลิกงาน. เวลาเลิกงานก็นัดสังสรรค์เป็นประจำ กลับบ้านก็ดูหนัง ดูละคร เล่นโทรศัพท์ Facebook. บ้าง. Line บ้างตามเรื่อง แล้วนอนหลับ ตื่นเช้ามาทำงาน ถ้าคุณในฐานะผู้บริหาร หากตำแหน่งผู้จัดการแผนกการตลาดว่างลง คุณจะเลือกใครระหว่างคนแรก. หรือคนที่สอง. คำตอบก็ชัดอยู่แล้วน่ะครับว่าคุณจะเลือกใคร
นี่เป็นปัจจัยในการสร้าง “โชคดี” ในที่ทำงาน ทุกๆ ส่ิงเกิดจากการกระทำ ความทุ่มเทของตัวเราทั้งนั้นครับ. ผมไม่อยากให้คุณคิดว่า ความโชคดี ความก้าวหน้า โอกาส มาจากสิ่งไม่รู้ไม่เห็น หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้เริ่มที่ตัวคุณ พัฒนาตัวคุณ เพราะเป็นสิ่งที่คุณสามารถเริ่มได้เลยตั้งแต่ตอนนี้เดี๋ยวนี้. หวังว่าบทความนี้จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ ในการสร้าง โชคดีให้กับคุณในที่ทำงานได้น่ะครับ