“ในเมื่่อเบิกบริษัทไม่ได้ ก็ควักเงินซื้อเองซ่ะสิ “ คุณคงจะงงน่ะ ว่าผมกำลังพูดถึงเรื่องอะไร คุณเคยเห็นคนที่ทำงานในบริษัทคุณ หรือเกิดขึ้นกับตัวคุณเองไหมว่า ” งานไม่เสร็จซ่ะที เพราะคอมพิวเตอร์ของบริษัทมันห่วย ” ” บริษัทปีนี้ไม่แจก ชุดฟรีสวัสดิการพนักงานออฟฟิตสักที ตอนนี้ชุดสวัสดิการก็เก่าเต็มแก่แล้ว แย่จริงๆ ” เป็นต้น ซึ่งผมว่าคุณก็คงเคยบ่นในลักษณะนี้ หากวัสดุ อุปกรณ์ หรือสิ่งอะไรก็ตามที่เป็นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของคุณ มันไม่ช่วยให้การทำงานของคุณดีขึ้น
” การทำงานของฉันมันช้า เพราะว่ามี……..ไม่มีประสิทธิภาพ “ ” การปฏิบัติงานของฉันมันห่วยเพราะขาด………ของบริษัทที่จะให้ฉัน ” หรือปัญหาของการทำงานนั้น เกิดขึ้นเพราะ บริษัทไม่ยอมแม้แต่จะช่วยค่าใช้จ่ายส่วนนี้ให้ฉัน การที่พนักงานบริษัท มนุษย์เงินเดือนในบริษัทคิดเช่นนี้ เป็นลักษณะของการโทษบริษัทหรือ องค์กรว่า ไม่ยอมช่วยในส่วนนี้ไงงานถึงไม่ออกมาดี และคำถามที่ผมจะถามคุณก็คือ ” ในเมื่อบริษัทไม่มอบสิ่งที่จะช่วยให้การทำงานของคุณดีขึ้น เร็วขึ้นให้คุณ คุณก็ควักเงิน ควักเนื้อของตนซื้อมาใช้เองซ่ะเลยสิ “
คุณก็จะบอกว่า บ้าหรือเปล่า ทำงานให้เขาแล้ว ยังจะต้องออกตังค์ค่าโน่นค่านี้เพื่อบริษํทอีกหรือ ขาดทุนตาย สิ การที่คุณทำงานไม่ดี เอาแต่โทษว่า อันนั้นไม่ดี อุปกรณ์เครื่องมืออันนี้ไม่ดี คุณจะไม่สามารถพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นได้เลย การปรับเงินเดือนของคุณจะไม่ขยับ โบนัสเอย สิ่งที่คุณจะได้รับเอย จะยิ่งล้าช้าออกไป หรือไม่ ก็อดไปเลยหน่ะสิ ก็คุณมัวแต่รอให้บริษัทมาตอบสนอง สิ่งต่างๆ เหล่านี้ให้คุณ คุณเอาแต่รอ ๆ ๆ ๆ แต่งานคุณไม่ได้ลดลงน่ะ คุณยังต้องมีงานทำอยู่ ลองไม่ทำสิ ได้ตกงานกันล่ะทีนี้
การที่เราเองทำงานไม่ดี และมีการโทษนั่นโทษนี่ เพื่อให้รู้สึกดีขึ้นนั้น เป็นการกระทำของมนุษย์ที่มีมาช้านานแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงความเจ็บปวด แต่การกระทำเช่นนี้ จะกระทบต่อการพัฒนาตนเองด้านการงาน การทำงาน การพัฒนาความคิดในงานของคุณเป็นอย่างมาก มันไม่ทำให้ดีขึ้นมาเลยครับ
” ในเมื่อคอมพิวเตอร์โน้ตบุ้คของบริษัทไม่ดี ช้า คุณก็ซื้อคอมพิวเตอร์โน้ตบุ้คใหม่ๆ มาใช้เองเลยสิ”
” ในเมื่อปีนี้ไม่ได้ชุดสวัสดิการพนักงานฟรีจากบริษัท คุณก็ซื้อเสื้อทำงานดีๆ มาใส่เสริมบุคลิกคุณซ่ะเลยสิ”
” ในเมื่อบริษัทไม่ยอมออกค่าทางด่วน เพื่อความรวดเร็วไปพบลูกค้า คุณก็ออกค่าทางด่วนเองเลยสิ เร็วดี “
” อยากอบรมหลักสูตรการขายนี้ เบิกค่าใช้จ่ายอบรมบริษัทไม่ได้ คุณก็ออกค่าอบรมหลักสูตรนี้เองเลยสิ “
ผมอยากให้คุณๆ ทั้งหลายในฐานะพนักงานบริษัท ในฐานะมนุษย์เงินเดือนที่ต้องมีงาน ทำงานบริษัทอยู่ ให้คิดในแง่ที่ว่า ” ทุกๆ สิ่งที่คุณจ่ายไปเพื่อให้งานของคุณดีขึ้นนั้น ให้ถือว่าเป็น เงินลงทุน ที่ลงทุนให้กับอนาคตของคุณเอง ” อย่าไปคิดเล็กคิดน้อยเลยครับ มันไม่มีประโยชน์ รังแต่จะฉุดรั้งอนาคตทางการงาน ของคุณเปล่าๆ
อย่าเอาแต่โทษโน่น โทษนี่ของบริษัท และคิดว่าต้นเหตุที่ทำให้งานช้า งานไม่มีประสิทธิภาพ เป็นบริษัทของคุณสักทีครับ มันเป็นหน้าที่ของคุณ ที่จะหาวิธีการ เครื่องมือดีๆ หลักการปฏิบัติดี ที่จะทำให้งานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อย่าคิดเหมือนคนทั่วๆ ไปว่า บริษัทต้องจัดหาอย่างนั้นให้ อย่างนี้ให้ งานฉันถึงจะมีประสิทธิภาพสักทีครับ ไม่เช่นนั้นคุณก็จะเหมือนกับพนักงานทั่วๆไป ที่ไม่ก้าวหน้า อยู่ตำแหน่งเดิม เงินเดือนเดิมๆ ไปเรื่อยๆ จนเกษียณ คุณต้องต่าง กล้าที่จะลงทุนเพื่อให้งานออกมาดี เมื่อนั้นบริษัทจะเห็นคุณค่าของคุณ และดันคุณสู่ความสำเร็จ จำไว้ว่าการลงทุนทุกอย่างให้ตัวคุณเอง ไม่เคยขาดทุน มันจะยิ่งเสริมให้คุณมีคุณค่ามากขึ้นครับ