การพัฒนาตนเอง

แก้ไขนิสัยผัดวันประกันพรุ่งให้อยู่หมัด

Rating:

คงปฏิเสธไม่ได้ใช่ไหมครับว่า “การผัดวันประกันพรุ่ง” นั้น ทุกๆคนบนโลกนี้ต่างก็ต้องประสบพบเจอกับตนเอง แม้กระทั่งตัวผมเอง ก็เจอต้องพบกับการผัดวันประกันพรุ่ง เช่น วันนี้ผมกะว่าจะ อ่านหนังสืออย่างน้อยสัก 2 ชั่วโมง  แต่ก็มีความคิดมาก่อกวนว่า ขอดูซีรีย์ Netflix สักตอนแล้วครับ ปรากฎว่า แม่เจ้า!  จัดไปซ่ะ ครึ่งวันเลย  หรือแก้กระทั่งน้องๆ วัยเรียน กะว่าวันนี้จะอ่านหนังสือ ทบทวนรายงาน ทบทวนบทเรียน เพื่อเตรียมสอบที่จะมีขึ้นในอีก 1 สัปดาห์ แต่ปรากฎว่า ก็โดนนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง  ไป Shoping บ้าง  ไปเที่ยวตามเพื่อนบ้าง  เล่นเกมส์บ้าง จนรู้ตัวอีกที ก็ 1 วันใกล้สอบ ต้องรีบแบบหัวปั่นๆ อ่านหนังสือ เป็นต้น  คุ้นๆ ใช่ไหมครับ

แต่แปลกน่ะครับว่า นิสัย “การผัดวันประกันพรุ่ง” นั้น เป็นนิสัยที่มนุษย์เราต้องการที่จะกำจัดออก แต่ก็พ่ายแพ้ไปซ่ะทุกที การผลัดวันประกันพรุ่ง เป็นนิสัยที่ขัดขวางการบรรลุซึ่งศักยภาพของคน  ขัดขวางความฝันที่จะนำไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต แต่เหมือนมันสมองของเรา กลับเล่นตลก กับเราให้เราใช้นิสัยนี้ทุกทีซิน่า 

สมองของคนที่มีวินัย ไม่ค่อยจะ ผัดวันประกันพรุ่งซักเท่าไหร่นั้น จากหนังสือ “Wait but Why”  เขียนโดย Tim Urban บอกว่า  สมองของคนที่ไม่ค่อยผัดวันประกันพรุ่งนั้น จะเหมือนเป็นกัปตันเรือ คอยควบคุมเรือ ที่ตัดสินใจอย่างมีเหตุผล และมองเห็นถึงประโยชน์ของตนเองในระยะยาว ส่วนสมองของคนผัดวันประกันพรุ่งนั้น จะเหมือนมีลิงเป็นกัปตันควบคุม คือลิงจะพอใจในสิ่งที่ฉาบฉวย  คือจะต้องมีการความสุข ในเดี๋ยวนี้ เอาสบายเดี๋ยวนี้ อย่าเอาความทุกข์มาให้ฉันน่ะ ขอสบายก่อน และความคิดดังกล่าวเป็นความคิดที่สมองของคน ชอบเสียด้วยซิ

           ฉะนั้น การจะแก้ไข หรือลดนิสัยการ “ผัดวันประกันพรุ่ง” นั้น ต้องแก้ไขที่ความคิดในสมองก่อนครับ 

โดยเรื่องของความคิด หากมีลิงในสมองคุณมาก่อกวน ให้ทำสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากงานอะไรที่คุณจะทำ ขอให้คุณคิดในเรื่องที่คุณจะคิดใน 2 ข้อนี้ในหัวของคุณเพื่อตัดวงจรการผัดวันประกันพรุ่งก่อนเลยดังนี้

      1. สิ่งที่คุณจะทำนั้น ทำเพื่ออะไร?

เช่น คุณกำหนดไว้แล้วว่า จะทำการอ่านหนังสือให้ได้อย่างน้อย 30 นาทีในช่วงที่กลับมาจากทำงาน แต่ปรากฎว่า มีลิงในสมองคุณมาก่อกวนว่า “ดูซีรีย์สักตอนก่อนซิ ทำงานมาทั้งวันแล้ว หาความสุขใส่ตัวบ้าง”  ณ ตอนนี้เลยที่ลิงในสมองคุณก่อกวน ให้ คิดสวนไปเลยว่า “หากเราไม่อ่านหนังสือ เราทำเพื่ออะไร”  เช่น ทำเพื่อสร้างความรู้ใหม่ ทักษะใหม่ เพื่อในอนาคตตามเป้าหมายอีก 2 ปี จะออกไปทำอาชีพอิสระ เป็นนายตัวเอง ไม่ต้องเป็นลูกจ้างใคร มีเวลาดูแล ครอบครัว เป็นต้น  เมื่อความคิดของคุณมีเหตุผลที่โดนใจ ก็จะมีแรงจูงใจมากพอ ที่จะเตะลิงในสมองของคุณออกไป เพื่อทำกิจกรรมที่สำคัญกับชีวิตคุณ ที่สำคัญ ความคิดจูงใจนั้น ต้องมากพอ แรงพอ ตรงพอ ที่จะฉุดคุณขึ้นมาได้เลย

     2. หากคุณไม่ทำสิ่งนี้ จะเกิดอะไรกับชีวิตของคุณในอนาคต?

เป็น การย้ำเตือนในสมองถึงผลที่จะเกิดขึ้น หากคุณไม่ทำสิ่งนี้  เช่น หากคุณผัดวันประกันพรุ่ง ไม่อ่านหนังสือ ไม่อบรม เพื่อสร้างทักษะใหม่ๆ  คุณก็จะต้องทำงานประจำไปตลอด  ไม่มีเวลาให้ครอบครัวต่อไปเรื่อยๆ จนเกษียน  ฐานะทางการเงินก็จะมีเงินใช้แบบ เดือนชนเดือน ไปเรื่อยๆ เป็นต้น เป็นการเตะลิงในสมองของคุณออกไป โดยคิดถึงผลกระทบต่อคุณในระยะยาว  แต่คุณต้องมั่นใจ แน่ใจว่า ผลกระทบต่อชีวิตของคุณที่คุณคิดนั้น เป็นเป้าหมายที่คุณต้องการมันจริงๆ แต่จะไม่สำเร็จ หรือเป็นไปไม่ได้เลย หากคุณละเว้นสิ่งที่คุณจะทำ คิดแบบให้เจ็บไปเลย คิดเป็นภาพ เพื่อย้ำเตือนในสมองของคุณซ่ะครับ

  และเมื่อคุณก้าวข้าม ลิง ที่จูงให้คุณผัดวันประกันพรุ่งได้แล้ว และได้ลงมือทำสิ่งที่คุณตั้งใจไปสักพักแล้ว ลิงที่ก่อกวนคุณในสมอง จะมีคามสุขไปด้วย จะเกิดการทำงานอย่างต่อเนื่อง และเกิดสภาวะ “ลื่นไหล”  หรือที่เรียกกันว่า ภาวะ Flow นั่นเอง คุณจะมีความสุขกับมัน จนลืมเวลาไปเลยทีเดียว

      การผัดวันประกันพรุ่ง เป็นนิสัยที่ขัดขวางความก้าวหน้า และศักยภาพที่แท้จริงของคุณ ก็จริง แต่หากเรารู้เท่านั้นความคิดของเราเอง และ เตะลิงออกจากสมองเราได้  ก็จะช่วยลดการผัดวันประกันพรุ่งลงได้ ถึงแม้ว่าส่วนมาก จะกำจัดนิสัย การผัดวันประกันพรุ่ง ออกไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิง อย่างน้อยเราก็ลงมือทำ มากกว่าการการผัดมันออกไป แค่นี้ก็ประสบความสำเร็จมากกว่าคน 90% บนโลกนี้แล้วครับ

Tags: , ,

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *

*