รายได้เท่าไหร่ที่คุณพอใจ 10,000 20,000 หรือ 50,000 หรือ 100,000 บาท คุณคงพอใจกับรายได้ที่คุณได้รับ และคุณรู้สึกไหมว่า พอเงินรายได้เริ่มมากขึ้น ก็จะมีรายจ่ายเข้ามาทุกที ทุกที เมื่อมีรายจ่ายมากขึ้น คุณก็ยิ่งจะหารายได้มาเสริมให้มากขึ้นเพื่อให้เพียงพอกับรายจ่าย แต่พอรายได้เพิ่มขึ้นค่าใช้จ่ายก็ไล่ตามหลังมาทันจนได้
จนทำให้คนเกือบ 95% อยู่ในสภาวการณ์เช่นนี้ ถังแตกอยู่อย่างนี้ร่ำไป ทำไมน่ะหรือ? คุณอยากทราบคำตอบไหมครับ
เพราะความคิดของคุณเป็นสิ่งชักนำคุณไปยังไงล่ะครับ!
พอคุณรายได้มากขึ้น ก็เกิดการตอบสนองต่อปัจจัย สิ่งแวดล้อมรอบตัวมากขึ้น เช่นอยากกินของแพงขึ้น เที่ยวหรูมากขึ้น ใส่เสื้อผ้าต้องแบรนด์เนมเท่านั้น เคยกินเครื่องดื่มเช่นกาแฟแก้วละ 30 บาท แต่พอเงินเดือนเพิ่มขึ้นหน่อย ก็จัดไปแก้วละ 120 บาท เมื่อก่อนเคยไปทานเลีี้ยงกันจ่ายคนละ 200 บาท แต่พอตำแหน่งสูงขึ้น เงินรายได้มากขึ้น กลัวเสียฟอร์มเลยจัดไป 1,500 บาท แถมจ่ายทิปแพงกันเด็กเสิร์ฟ อีกต่างหาก
แบบนี้ไงครับการที่รายได้มากขึ้น แทนที่จะเข้าใกล้สู่ความมั่งคั่งทางการเงิน แต่ยิ่งถอยห่างจากความมั่งคั่ง ถูกความคิดชักจูงไปในทางเสียเงิน เสียทอง เพื่อตอบสนองกระแสสังคม และหน้าตาของตนเอง
แล้วจะแก้ไขอย่างไรล่ะ? เพราะสังคมมันเป็นเช่นนี้
ง่ายมากครับคุณก็ต้องเปลี่ยนสมการการเงินของคุณใหม่ไงครับ จาก
รายได้ ลบ รายจ่ายก่อน = เงินเก็บ เป็น รายได้ ลบ เงินเก็บ = รายจ่าย
แค่นั่นเองครับ เพราะอะไรน่ะหรือครับ เพราะคนเราส่วนมากของพลเมืองเกือบทั้งโลก เมื่อมีรายได้เข้ามา จะทำการจ่ายก่อน ทำอย่างไรได้เงินมันร้อยครับ สุดท้ายเมื่อมีรายจ่ายมาก ก็คิดว่าเอาไว้เดือนหน้าก่อนดีกว่าค่อยเก็บ จะเป็นวัฎจักรอยู่อย่างนี้ไม่มีที่สิ้นสุด รู้สึกตัวอีกทีก็เกษียณอายุการทำงาน คิดแล้วเศร้าไหมครับ
เปลี่ยนใหม่ เมื่อคุณได้รับรายได้เข้ามา ให้หักเก็บเงินรายได้ไว้ก่อนเลย 10 % แล้วจึงนำเงินที่เหลือไปใช้จ่าย แค่นี้เองคุณก็ก้าวเข้าสู่คนอีก 5% ผู้มั่งคั่งแล้วล่ะครับ
วิธีนี้อาจจะเรียกว่า ” รักตัวเองก่อน ค่อยรักคนอื่น ”
เริ่มต้นเปลี่ยนสมการทางการเงินของคุณให้ถูกต้อง ณ เวลานี้ วันนี้เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ความมั่งคั่งที่รอคุณอยู่ เมื่อมีเงิน คุณก็พร้อมที่จะสำเร็จ และร่ำรวย ถูกไหมครับ
” แล้วคุณเลือกที่จะเก็บเงินให้ตัวคุณเองก่อน หรือให้คนอื่นก่อน ผมว่าคำตอบอยู่ในใจคุณแล้วครับ “
Coach Tawatchai
โค้ชแห่งความมั่งคั่ง และความสำเร็จ