การพัฒนาตนเอง

มาคุยเรื่องความสุร่ยสุร่ายกันหน่อย

Rating:

 “ความสุรุ่ยสุร่าย” หากผมพูดคำนี้แปลอย่างตรงๆ เลยก็คือ การใช้จ่ายเงินอย่างมากมายเกินความจำเป็น อย่างไร้สาระ จนทำให้ตัวเองเดือดร้อน หรือบางคนอาจจะตีความว่าเป็น การใช้จ่ายอย่างไม่ยั้งคิดเกินฐานะ. สุดแล้วแต่จะบรรยาย สุดแล้วแต่จะตีความ แล้วมีใครเคยนิยาม หรือคิดบ้างไหมว่า เหตุใดเราจึงเป็นคนสุรุ่ยสุร่าย และจะลดความสุรุ่ยสุร่ายลงได้อย่างไร เพราะในโลกนี้มีของที่เราอยากได้อยู่มากมาย ที่ล่อตาล่อใจเราให้เราต้องช๊อป ต้องซื้อ เพื่อตอบสนองความต้องการ ในบทความนี้เราจะมาคุยกันว่า ความสุรุ่ยสุร่ายนี้ มันเกิดมาจากอะไรกันแน่ เพราะเหตุใดมันถึงยากเหลือเกินในการหลีกหนีมัน และจะมีวิธีการป้องกันความสุรุ่ยสุร่ายในตัวของเราได้อย่างไร

Beautiful Asian woman using smartphone buying online shopping by credit card while wear sweater sitting on desk in living room at home. Lifestyle woman at home concept.

ก่อนอื่นเรามาทราบถึงสาเหตุของการจ่ายเงินแบบ “สุรุ่ยสุร่าย” ก่อน คุณสังเกตุใหม่ว่า การจ่ายเงินส่วนมากของเรา เกิดจากอารมณ์เป็นหลัก บางครั้งซื้อของมาก็ไม่ค่อยได้ใช้ หรือไม่ได้ใช้เลย เหตุผลในการซื้อก็ไม่ค่อยมี ผมก็เป็น ทุกๆ คนก็ต้องเคยเป็นครับ ความสุรุ่ยสุร่ายก็เช่นกันครับ โดยการใช้จ่ายแบบนี้ เกิดจากการทำตามความต้องการของผู้อื่น เช่น คุณอาจจะเข้าสังคมเพื่อนของคุณ เห็นเขาถือกระเป๋าแบรนด์เนม และคุยเรื่องกระเป๋ากันอย่างออกรส ออกชาด เห็น เพื่อนๆ คุณเขามีกัน จนเกิดเป็นความต้องการในใจและเกิดความอยากได้ คุณจึงจัดไป 1  ใบ เพื่ออะไรหน่ะหรือ ก็เพื่อที่คุณจะนำไปโชว์ ถือกระเป๋าเข้าสังคม ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ความต้องการของคุณเลย แบบนี้เป็นต้น. ทั้งนี้ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดในปัจจุบัน ก็โทรศัพท์ Smart Phone นี่แหล่ะครับ ซื้อเปลี่ยนตามรุ่นกันเลยทีเดียว. นี่แหล่ะครับเป็นสาเหตุ 90% ของความสุรุ่ยสุร่ายที่เกิดจากความต้องการที่จะตามผู้อื่น ไม่ใช้เป็นความต้องการของตนเองอย่างแท้จริง

แล้วเราจะมีวิธีการป้องกันความ “สุรุ่ยสุร่าย” นี้อย่างไรล่ะ  ก็แค่ คุณต้อง “ให้ความสนใจกับสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ” ไงล่ะครับ

ก่อนที่คุณจะซื้อของตามกระแสของสังคม หรือตามผู้อื่นนั้น ถามในใจสักนิดว่า เป็นสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ หรือปล่าว ให้คุณถามเสียงภายใน ( Inner Voice ) ของคุณเอง โดยคุณต้องพูดออกเสียมาเลยครับว่า ” นี่ตัวเราต้องการสิ่งนี้จริงๆ หรือปล่าว” และฟังเสียงในใจของคุณ หากเสียงในใจของคุณเกิดความไม่แน่ใจ ความคิดแตกแยกระหว่างต้องการ กับไม่ต้องการ ก็แสดงว่าไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการจริงๆ. เพราะหากเป็นสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ แล้ว ใจคุณจะบอกเองอย่างเต็มใจว่า “ใช่ฉันต้องการมันจริงๆ” เป็นข้อความแรก วิธีนี้จะช่วยให้คุณฟังเสียงความต้องการของตนเอง แทนที่ จะให้ความต้องการของคนอื่นมากลบเสียงในใจ และซื้อของเพื่อโอ้อวด. และเมื่อคุณถามใจของคุณบ่อยๆ ตัวคุณจะห่างไกลจากความสุรุ่ยสุร่าย เองตามธรรมชาติ เพราะที่ผ่านมาสังเกตุซิครับ คุณใช้อารมณ์ในการซื้อของ แต่คุณไม่เคยเอ่ยประโยค ถามตัวคุณเลยว่า ต้องการมันจริงๆ หรือปล่าว

และที่ผมอยากจะแนะนำก็คือ หากคุณพูด และฟังเสียงในใจในการตอบรับว่า เป็นสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ หรือไม่แล้ว.  เสียงในใจคุณตอบว่า “ฉันต้องการมันจริงๆ” แล้ว คุณอย่าพยายามอดทนอดกลั้น ที่จะหาเหตุผลในการยับยังไม่ให้ซื้อของที่คุณต้องการจริงๆ เพราะหากคุณพยายามทำเช่นนั้น จะเป็นการบอก “จิตใต้สำนึก” ของคุณว่า คุณขาดแคลน ทำให้ใจคุณกลับเข้าสู่วังวนของการไม่ฟังเสียงในใจ จนทำให้จิตสับสน และจะดึงคุณเข้าสู่ระบบความสุรุ่ยสุร่ายอย่างไร้เหตุผลเช่นเดิม  ให้คุณจำไว้น่ะครับว่า ฟังเสียงในใจคุณมากๆ เมื่อคุณตอบสนองต่อเสียงภายในกับสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ แล้ว ความมั่งคั่งต่างๆ จะถูกดึงดูดเข้าหาคุณโดยธรรมชาติ ฉะนั้นคุณไม่จำเป็นต้องอดกลั้น ต่อสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ ครับ

ลองนำหลักการต่างๆ ที่ผมแนะนำลองนำไปใช้ดูครับ แล้วคุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน จำไว้น่ะครับว่า การซื้อของ หรืออะไรก็ตามที่เป็นความต้องการของคุณจริงๆ จากเสียงภายในใจ จากจิตใต้สำนึกของคุณ จะไม่ทำให้คุณจนลง แต่การที่คุณฝืน ไม่ยอมรับความต้องการจากเสียงภายใน จากสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ นั่นแหละจะทำให้คุณรู้สึกขาดแคลน และเงิน ความมั่งคั่งจะไม่เข้าหาคุณครับ

Tags: ,

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *

*