เคยคิดไหมครับว่า เรามีความสามารถ มีความรู้มากกว่า มีประสบการณ์มากกว่า แต่อีกคนมีความสามารถน้อยกว่า มีความรู้และประสบการณน้อยกว่า แต่กลับก้าวหน้าแซงหน้าไป อย่างไม่เห็นฝุ่น เขามีอะไรดี เขามีอะไรเด่น ถึงได้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ทั้งๆที่ไม่ได้มีความสามารถแตกต่างจากเราเลย หรือเราอาจจะมีความสามารถ ประสบการณ์มากกว่าด้วยซ้ำ
คุณอาจจะโทษโชคชะตา ดวงไม่ดี และอาจจะซื้อพวกเครื่องรางของขลังมาติดตัว เข้าวัดเพื่อทำบุญ แต่ก็ไม่ดีขึ้น อาจจะเป็นเพราะกรรมเก่า หรืออะไรก็แล้วแต่ไปโน่น ผมไม่ได้ลบหลู่สิ่งเหล่านี้ครับ แต่อยากให้กลับมามองถึงความเป็นจริง มองถึงทักษะที่ตนเองมีอยู่ว่าพร้อมที่จะก้าวหน้าหรือไม่ ไม่ใช่โทษแต่ว่าดวงไม่ดี ไม่มีของ สู้คนนั้นคนนี้ไม่ได้ ให้ย้อนกลับมามองตัวเราก่อนครับ ขอเน้น. ให้มองตัวเราก่อน
ทักษะในการทำงานมีอยู่มากมายครับ ที่จะส่งเสริมความก้าวหน้า แต่มีเพียงทักษะเดียวที่ส่งเสริมความก้าวหน้าได้ดีที่สุด เร็วที่สุด และสำคัญในความสัมพันธ์กับผู้บังคับบัญชาเพื่อให้ส่งเสริมความก้าวหน้าให้กับคุณ ทักษะนั้นก็คือ ” ทักษะการเล่าเรื่องราว “ นั่นเองครับ
คุณอาจจะมีคำถามว่า “แล้วมันเกี่ยวกับความก้าวหน้าตรงไหนล่ะ” เกี่ยวซิครับเกี่ยวมากด้วย คนที่ก้าวหน้าจะมีทักษะในการถ่ายทอด และเล่าเรื่องราวได้น่าฟัง โน้นน้าวใจ เข้าใจง่าย ตรงตามความต้องการของเจ้านายด้วยกันทั้งนั้น สังเกตุไหมครับว่า คนที่ก้าวหน้าแบบเกิดหน้าเกินตาในองค์กร จะเป็นคนที่พูดเก่ง พรีเซนต์เก่ง พูดจาถ่ายทอดได้ไพเราะน่าฟังมาก ทั้งๆที่เขามีความรู้ และความสามารถน้อยกว่าคุณ
เหตุผลเพราะว่า คนที่ถ่ายทอดและเล่าเรื่องราวได้น่าฟัง จะเป็นที่จดจำได้มากกว่าพนักงานที่ เอาแต่ทำงานนั่งโต๊ะ ไม่ค่อยพูดจา ไม่ออกกิจกรรม. พูดง่ายๆ คือไม่เสนอหน้าพูด นั่นเองครับ สำหรับพนักงานที่พูดจาเก่ง ถ่ายทอดเรื่องราวได้ชัดเจน เข้าใจง่ายนั้น ส่วนมากจะเป็นคนกิจกรรม ช่างพูดช่างจากับคนส่วนมาก. ลองคิดดูซิครับ หากคุณเป็นผู้บังคับบัญชา คุณจะเลือกใครล่ะ ระหว่างคนที่เอาแต่เก็บตัวมุ่งแต่ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ เสร็จวันก็กลับบ้าน กับพนักงานที่พูดเสนอความคิดในที่ประชุม ร่วมกิจกรรม เสนอหน้าพูด แสดงบุคลิกเปิดเผย พูดคุยอย่างเป็นมิตรอย่างสนุกสนานอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่คุณภาพงานไม่ค่อยแตกต่างกันเลย. เป็นคุณจะเลือกใครให้ก้าวหน้า. คำตอบคุณน่าจะรู้อยู่แล้วล่ะ ใช่ไหมครับ
งั้นก็เป็นการเลียขาเจ้านายหน่ะซิ. หรือคุณจะเถียงครับว่า ไม่เคยทำ มนุษย์เรา หรือใครก็ตามต้องการคนที่คอยเอาใจตามสมควร เป็นห่วงเป็นใย และกล้าที่จะเสนอแนวความคิด และถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ได้ดี ร่วมทีมทั้งนั้น เพราะแสดงถึงความเป็นพรรคพวกของเขา คนเราต้องการคนที่สนิทใจที่จะคุยด้วย. ต้องการคนที่ถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ได้ดี กระชับ เข้าใจง่าย รู้เรื่อง. ฉะนั้นผมขอแนะนำว่า หากคุณคิดว่า การมุ่งมั่นทำงานอย่างเดียว โดยไม่ต้องมีการเล่าเรื่องราว หรือปฏิสัมพันธ์กับใครน้อยๆ ให้คุณภาพงานอย่างเดียวเป็นตัวกำหนดความก้าวหน้าในอาชีพการงานล่ะก็ ให้เปลี่ยนความคิดเสียตั้งแต่วันนี้ครับ
แล้วเราจะฝึกทักษะการเล่าเรื่องราวอย่างไรดีล่ะ? ง่ายๆ ครับให้คุณเริ่มจาก การพูดเล่าเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ให้กับเพื่อนร่วมงานก่อนเลย เล่าด้วยความสนุก ( ไม่ใช่เล่าเรื่องนินทานาย หรือวิจารณ์การทำงานน่ะครับ ) พอถึงเวลาประชุม หากมีแนวความคิดดีๆ อะไรในเรื่องงานก็อาจจะเสนอความคิดแต่พองาม อย่างมากเกินไป. และที่สำคัญหากคุณเป็นคนพูด หรือเล่าเรื่องราว ถ่ายทอดไม่เก่ง ก็จะมีคอร์สต่างๆ ทางออฟไลน์ และออนไลน์ให้คุณได้เรียน และฝึกอีกเพียบครับ. แต่คุณต้องฝึกทักษะนี้ครับ คุณไม่มีทางหนีพ้น หากคุณต้องการความก้าวหน้า
ขอฝากไว้สำหรับคนที่ต้องการความก้าวหน้าน่ะครับ. ถึงคุณจะมีความรู้อยู่เต็มหัว มีประสบการณ์การทำงานมากมาย แต่ถ้าหากเราถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ออกมาไม่ได้ ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ที่คุณมีอยู่นั้น แทบจะไม่มีประโยชน์เลยครับ ฉะนั้นเริ่มฝึกทักษะการ ถ่ายทอดเรื่องราว ตั้งแต่วันนี้ ยังไม่สายครับ