จิตวิทยาองค์กร

พนักงานไม่เชื่อฟัง ทำงานไม่ดี ทำอย่างไรดี? บทความนี้มีคำตอบ

Rating:

   แน่นอนครับ ในองค์กร ย่อมมีพนักงานที่หลากหลายในแง่ของพฤติกรรม และนิสัยใจคอ  บ้างก็ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ บ้างก็มีปัญหา บทความนี้จะนำเสนอวิธีจัดการกับพนักงานที่มีปัญหา เพื่อสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี และรักษาผลประกอบการขององค์กร โดยที่คุณยังคงรักษาความสัมพันธ์ได้ ผมมี 4 ขั้นตอนง่ายๆ ในการจัดการกับพนักงานที่มีปัญหา มาเริ่มกันเลยครับ

 

1. ระบุปัญหา

1.1 สังเกตพฤติกรรม

สิ่งแรกที่หัวหน้าควรทำคือ สังเกตพฤติกรรมของพนักงานว่า มีอะไรผิดปกติหรือไม่ พฤติกรรมที่บ่งบอกถึงปัญหา เช่น:

  • มาสายบ่อย: พนักงานมาสายบ่อย โดยไม่แจ้งเหตุผล หรือแจ้งเหตุผลที่ไม่สมเหตุสมผล
  • ลาป่วยบ่อย: พนักงานลาป่วยบ่อย โดยไม่แจ้งเหตุผล หรือแจ้งเหตุผลที่ไม่สมเหตุสมผล
  • ทำงานไม่เสร็จตามกำหนด: พนักงานทำงานไม่เสร็จตามกำหนด ส่งงานล่าช้า หรือทำงานไม่ตรงตามเป้าหมาย
  • มีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน: พนักงานมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานบ่อย ทะเลาะวิวาท พูดจาไม่ดี หรือสร้างความรำคาญ
  • มีปัญหากับลูกค้า: พนักงานมีปัญหากับลูกค้าบ่อย บริการไม่ดี พูดจาไม่สุภาพ หรือทำให้ลูกค้าไม่พอใจ
  • ประสิทธิภาพการทำงานลดลง: ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลง ทำงานผิดพลาดบ่อย หรือไม่ตั้งใจทำงาน
  • มีปัญหาส่วนตัว: พนักงานมีปัญหาส่วนตัว ส่งผลต่อการทำงาน เช่น ปัญหาครอบครัว ปัญหาการเงิน หรือปัญหาสุขภาพ

ตัวอย่าง:

  • พนักงานมาสาย 3 วันติดต่อกัน โดยไม่แจ้งเหตุผล
  • พนักงานลาป่วย 5 วันต่อเดือน โดยไม่แจ้งเหตุผล
  • พนักงานส่งงานล่าช้าเป็นประจำ และมักจะแก้ไขงานผิดพลาด
  • พนักงานทะเลาะกับเพื่อนร่วมงานบ่อย สร้างความรำคาญให้กับผู้อื่น
  • พนักงานพูดจาไม่สุภาพกับลูกค้า ทำให้ลูกค้าไม่พอใจ
  • พนักงานทำงานผิดพลาดบ่อย และไม่ตั้งใจทำงาน

1.2 พูดคุยกับพนักงาน

เมื่อสังเกตเห็นพฤติกรรมที่ผิดปกติ หัวหน้าควรหาโอกาสพูดคุยกับพนักงาน เพื่อสอบถามถึงปัญหา สาเหตุ และความรู้สึก การพูดคุยควรเป็นไปอย่างเป็นส่วนตัว ใจเย็น และเปิดรับฟังอย่างตั้งใจ

คำถามที่ควรใช้ในการพูดคุย:

  • ช่วงนี้คุณมีอะไรกังวลใจหรือไม่?
  • คุณรู้สึกอย่างไรกับการทำงาน?
  • คุณมีปัญหาอะไรที่อยากจะบอกผมไหม?
  • มีอะไรที่ผมสามารถช่วยคุณได้บ้าง?

ตัวอย่าง: บทสนทนากับพนักงาน

  • หัวหน้า: “ช่วงนี้ผมสังเกตเห็นว่าคุณมาสายบ่อย มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าครับ?”
  • พนักงาน: “ช่วงนี้ผมมีปัญหาเรื่องครอบครัว ทำให้ผมเครียดและนอนหลับไม่เพียงพอ”
  • หัวหน้า: “เข้าใจครับ มีอะไรที่ผมสามารถช่วยคุณได้บ้างไหม?”
  • พนักงาน: “ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ”

1.3 รวบรวมข้อมูล

หลังจากพูดคุยกับพนักงานแล้ว หัวหน้าควรหาข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อยืนยันความถูกต้องของปัญหา ข้อมูลที่ควรหา เช่น:

  • เอกสาร: เอกสารที่เกี่ยวข้องกับปัญหา เช่น ใบลา บันทึกการตักเตือน รายงานผลงาน
  • หลักฐาน: หลักฐานที่สนับสนุนปัญหา เช่น ภาพถ่าย วิดีโอ ข้อความ
  • คำบอกเล่า: คำบอกเล่าจากเพื่อนร่วมงาน ลูกค้า หรือบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

ตัวอย่าง:

  • หัวหน้าตรวจสอบใบลาของพนักงาน พบว่าพนักงานลาป่วยบ่อยจริง
  • หัวหน้าสอบถามเพื่อนร่วมงานของพนักงาน พบว่าพนักงานมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานบ่อย
  • หัวหน้าตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าพนักงานมาสายจริง

หมายเหตุ:

  • หัวหน้าควรเก็บข้อมูลไว้เป็นหลักฐาน เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหา
  • หัวหน้าควรเคารพความเป็นส่วนตัวของพนักงาน ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของพนักงานให้ผู้อื่นทราบ

 

2. วิเคราะห์ปัญหา

2.1 ประเมินความรุนแรงของปัญหา

หัวหน้าควรประเมินความรุนแรงของปัญหา ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นรุนแรงแค่ไหน ส่งผลกระทบต่อองค์กรมากน้อยแค่ไหน

ตัวอย่าง

  • พนักงานมาสายบ่อย: ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กร ทำให้เพื่อนร่วมงานต้องทำงานหนักขึ้น
  • พนักงานทำงานไม่เสร็จตามกำหนด: ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายขององค์กร ทำให้ลูกค้าไม่พอใจ
  • พนักงานขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงาน: ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการทำงาน ทำให้เพื่อนร่วมงานทำงานไม่สะดวก
  • พนักงานมีปัญหากับลูกค้า: ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงขององค์กร ทำให้ลูกค้าสูญเสีย

2.2 หาสาเหตุของปัญหา

หัวหน้าควรหาสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา ว่าเกิดจากอะไร สาเหตุที่พบบ่อย เช่น:

  • ปัญหาส่วนตัว: พนักงานมีปัญหาส่วนตัว เช่น ปัญหาครอบครัว ปัญหาการเงิน หรือปัญหาสุขภาพ
  • ปัญหาการทำงาน: พนักงานมีปัญหาการทำงาน เช่น ทำงานหนัก ทำงานไม่ตรงกับทักษะ หรือขาดการฝึกอบรม
  • ปัญหาความสัมพันธ์: พนักงานมีปัญหาความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน หัวหน้า หรือลูกค้า
  • ปัญหาองค์กร: องค์กรมีปัญหา เช่น ระบบการทำงานไม่ดี สวัสดิการไม่เพียงพอ หรือหัวหน้าไม่ดี

ตัวอย่าง

  • พนักงานมาสายบ่อย: เพราะว่าพนักงานมีปัญหาเรื่องครอบครัว ทำให้ตื่นนอนไม่ทัน
  • พนักงานทำงานไม่เสร็จตามกำหนด: เพราะว่าพนักงานทำงานไม่ตรงกับทักษะ
  • พนักงานขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงาน: เพราะว่าพนักงานมีปัญหาเรื่องการสื่อสาร
  • พนักงานมีปัญหากับลูกค้า: เพราะว่าพนักงานได้รับการฝึกอบรมไม่เพียงพอ

2.3 พิจารณาแนวทางแก้ไข

เมื่อทราบสาเหตุของปัญหาแล้ว หัวหน้าควรพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เหมาะสม แนวทางแก้ไขจะขึ้นอยู่กับสาเหตุของปัญหา ความรุนแรงของปัญหา และบริบทขององค์กร

ตัวอย่าง

  • พนักงานมาสายบ่อย: หัวหน้าควรพูดคุยกับพนักงาน หาสาเหตุของปัญหา และหาวิธีแก้ไข เช่น ให้พนักงานปรับเวลาเข้างาน ให้พนักงานลาพัก หรือส่งพนักงานไปพบนักจิตวิทยา
  • พนักงานทำงานไม่เสร็จตามกำหนด: หัวหน้าควรพูดคุยกับพนักงาน หาสาเหตุของปัญหา และหาวิธีแก้ไข เช่น มอบหมายงานใหม่ ฝึกอบรมพนักงาน หรือลงโทษพนักงาน
  • พนักงานขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงาน: หัวหน้าควรไกล่เกลี่ย พูดคุยกับทั้งสองฝ่าย หาสาเหตุของปัญหา และหาวิธีแก้ไข เช่น ให้ทั้งสองฝ่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หรือย้ายแผนก
  • พนักงานมีปัญหากับลูกค้า: หัวหน้าควรขอโทษลูกค้า แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และฝึกอบรมพนักงาน

หมายเหตุ:

  • หัวหน้าควรเลือกแนวทางแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมกับสถานการณ์
  • หัวหน้าควรคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการแก้ไขปัญหา
  • หัวหน้าควรติดตามผลการแก้ไขปัญหา

ตัวอย่างกรณีศึกษา

กรณีศึกษา: พนักงานมาสายบ่อย

สาเหตุ: พนักงานมีปัญหาเรื่องครอบครัว ทำให้ตื่นนอนไม่ทัน

แนวทางแก้ไข:

  • หัวหน้าควรพูดคุยกับพนักงาน แสดงความเห็นอกเห็นใจ และหาทางช่วยเหลือ
  • หัวหน้าควรให้พนักงานปรับเวลาเข้างาน
  • หัวหน้าควรอนุญาตให้พนักงานลาพัก
  • หัวหน้าควรแนะนำให้พนักงานไปพบนักจิตวิทยา

ผลลัพธ์:

  • พนักงานมาสายน้อยลง

 

3. แก้ไขปัญหา

3.1 แจ้งพนักงานให้ทราบถึงปัญหา

เมื่อทราบถึงปัญหาแล้ว หัวหน้าควรแจ้งพนักงานให้ทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้น สาเหตุ และผลกระทบ การแจ้งพนักงานควรเป็นไปอย่างตรงไปตรงมา ใจเย็น และเปิดโอกาสให้พนักงานอธิบาย หัวหน้าควรใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย หลีกเลี่ยงการใช้คำพูดที่กล่าวหาหรือตำหนิพนักงาน

ตัวอย่าง:

  • หัวหน้า: “ผมสังเกตเห็นว่าช่วงนี้คุณมาสายบ่อย ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานและความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน คุณมีอะไรอยากจะอธิบายไหม?”
  • พนักงาน: “ช่วงนี้ผมมีปัญหาเรื่องครอบครัว ทำให้ผมเครียดและนอนหลับไม่เพียงพอ”
  • หัวหน้า: “เข้าใจครับ ผมมีวิธีช่วยคุณจัดการกับปัญหาอย่างไรบ้าง?”

3.2 กำหนดแนวทางแก้ไข

หลังจากแจ้งพนักงานให้ทราบถึงปัญหาแล้ว หัวหน้าควรระดมความคิดกับพนักงาน เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เหมาะสม แนวทางแก้ไขควรคำนึงถึงสาเหตุของปัญหา ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และความสามารถของพนักงาน

ตัวอย่างแนวทางแก้ไข:

  • กรณีพนักงานมาสายบ่อย:
    • กำหนดเวลาเข้างานใหม่
    • ตักเตือน
    • ลงโทษ
    • หาสาเหตุของปัญหา เช่น ปัญหาการเดินทาง ปัญหาส่วนตัว และแก้ไขที่สาเหตุ
  • กรณีพนักงานทำงานไม่เสร็จตามกำหนด:
    • มอบหมายงานใหม่ แบ่งงานย่อย หรือลดปริมาณงาน
    • ฝึกอบรมพนักงาน พัฒนาทักษะ เพิ่มความรู้
    • กำหนด Deadline ใหม่ ติดตามผลอย่างใกล้ชิด
    • หาสาเหตุของปัญหา เช่น ปัญหาการจัดการเวลา ปัญหาความเข้าใจงาน และแก้ไขที่สาเหตุ
  • กรณีพนักงานมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน:
    • ไกล่เกลี่ย พูดคุยทำความเข้าใจ หาจุดร่วม ลดจุดต่าง
    • ย้ายแผนก ปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กร
    • ฝึกอบรมพนักงาน สอนทักษะการสื่อสาร การทำงานเป็นทีม
  • กรณีพนักงานมีปัญหากับลูกค้า:
    • ฝึกอบรมพนักงาน สอนทักษะการบริการลูกค้า การจัดการความขัดแย้ง
    • กำหนดมาตรฐานการบริการ ติดตามผลอย่างใกล้ชิด
    • ลงโทษหากพนักงานกระทำผิด
  • กรณีประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลง:
    • หาสาเหตุของปัญหา เช่น ปัญหาสุขภาพ ปัญหาครอบครัว ปัญหาการเงิน และแก้ไขที่สาเหตุ
    • มอบหมายงานใหม่ ท้าทายความสามารถ กระตุ้นแรงจูงใจ
    • ฝึกอบรมพนักงาน พัฒนาทักษะ เพิ่มความรู้
  • กรณีพนักงานมีปัญหาส่วนตัว:
    • ให้คำปรึกษา แนะนำแหล่งช่วยเหลือ สนับสนุนให้พนักงานแก้ไขปัญหา
    • ปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมการทำงาน ให้เหมาะสมกับสภาวะของพนักงาน
    • มอบหมายงานใหม่ ลดภาระงาน ให้พนักงานมีเวลาพักผ่อน ดูแลตัวเอง

3.3 ติดตามผล

หลังจากกำหนดแนวทางแก้ไขแล้ว หัวหน้าควรติดตามผลอย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าพนักงานปรับปรุงพฤติกรรมหรือไม่ หากพนักงานปรับปรุงพฤติกรรม หัวหน้าควรให้กำลังใจ ชมเชย และสนับสนุน หากพนักงานยังไม่ปรับปรุงพฤติกรรม หัวหน้าควรดำเนินการตามแนวทางที่กำหนดไว้

4. ป้องกันปัญหา

4.1 คัดเลือกพนักงานอย่างรอบคอบ

  • กำหนดคุณสมบัติของพนักงาน: กำหนดคุณสมบัติของพนักงานให้ชัดเจน ครอบคลุมทั้งทักษะ ประสบการณ์ และคุณลักษณะส่วนตัว
  • ตรวจสอบประวัติ: ตรวจสอบประวัติของพนักงานอย่างละเอียด รวมถึงประวัติการทำงาน ประวัติการศึกษา และประวัติส่วนตัว
  • ทดสอบทักษะ: ทดสอบทักษะของพนักงาน เพื่อประเมินความสามารถและศักยภาพ
  • สัมภาษณ์: สัมภาษณ์พนักงานอย่างละเอียด เพื่อพิจารณาบุคลิกภาพ ทัศนคติ และความเหมาะสมกับองค์กร

ตัวอย่าง:

  • กำหนดคุณสมบัติของพนักงานขาย ต้องมีทักษะการสื่อสารที่ดี มีความอดทน และสามารถทำงานเป็นทีมได้
  • ตรวจสอบประวัติการทำงานของพนักงาน ว่าเคยมีประสบการณ์ทำงานในสายงานที่เกี่ยวข้องหรือไม่
  • ทดสอบทักษะการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ของพนักงาน
  • สัมภาษณ์พนักงาน เพื่อพิจารณาว่ามีทัศนคติที่ดี มีความรับผิดชอบ และมีความซื่อสัตย์หรือไม่

4.2 สร้างระบบการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ

  • เปิดช่องทางการสื่อสาร: เปิดช่องทางการสื่อสารให้พนักงานสามารถสื่อสารปัญหา ความคิดเห็น และข้อเสนอแนะได้อย่างสะดวก เช่น ช่องทางการสื่อสารออนไลน์ กล่องรับข้อเสนอแนะ หรือการพูดคุยส่วนตัว
  • ส่งเสริมการสื่อสารที่ดี: ส่งเสริมการสื่อสารที่ดีระหว่างหัวหน้ากับพนักงาน และระหว่างพนักงานด้วยกันเอง
  • รับฟังอย่างตั้งใจ: รับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะของพนักงานอย่างตั้งใจ และแสดงให้เห็นว่าให้ความสำคัญ
  • ตอบสนองอย่างรวดเร็ว: ตอบสนองต่อปัญหาและข้อเสนอแนะของพนักงานอย่างรวดเร็ว

ตัวอย่าง:

  • จัดตั้งระบบการสื่อสารออนไลน์ ให้พนักงานสามารถส่งข้อความ อีเมล หรือแชทหาหัวหน้าได้โดยตรง
  • จัดประชุมพนักงานเป็นประจำ เพื่อให้พนักงานมีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และเสนอแนะแนวทางการพัฒนา
  • รับฟังปัญหาของพนักงานอย่างตั้งใจ และแสดงความเห็นอกเห็นใจ
  • ตอบอีเมลของพนักงานภายใน 24 ชั่วโมง

4.3 สร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี

  • สร้างความสัมพันธ์ที่ดี: สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างหัวหน้ากับพนักงาน และระหว่างพนักงานด้วยกันเอง
  • ให้เกียรติและเคารพ: ให้เกียรติและเคารพพนักงานทุกคน
  • ส่งเสริมการทำงานเป็นทีม: ส่งเสริมการทำงานเป็นทีม ให้พนักงานช่วยเหลือและสนับสนุนซึ่งกันและกัน
  • สร้างแรงจูงใจ: สร้างแรงจูงใจให้พนักทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ให้รางวัล สวัสดิการ และโอกาสในการพัฒนา
  • ให้ความสำคัญกับความปลอดภัย: ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของพนักงาน สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย

ตัวอย่าง:

  • จัดกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพนักงาน เช่น กิจกรรมกีฬา กิจกรรมสันทนาการ หรือกิจกรรมอาสาสมัคร
  • ให้เกียรติและเคารพความคิดเห็นของพนักงาน
  • จัดตั้งทีมทำงาน ให้พนักงานทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุเป้าหมาย
  • มอบรางวัลให้พนักงานที่มีผลงานดี
  • ตรวจสอบสภาพแวดล้อมการทำงาน ให้แน่ใจว่าปลอดภัย

4.4 ดูแลพนักงานอย่างสม่ำเสมอ

  • พูดคุยกับพนักงาน: พูดคุยกับพนักงานเป็นประจำ เพื่อสอบถามถึงปัญหา ความกังวล

 

การจัดการกับพนักงานที่มีปัญหา จำเป็นต้องอาศัยความอดทน ความเข้าใจ และความเป็นมืออาชีพ หัวหน้าควรใช้กระบวนการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ ชัดเจน และยุติธรรม เพื่อสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี และรักษาผลประกอบการขององค์กร ที่สำคัญหัวหน้าไม่ควรใช้อารมณ์ในการแก้ไขปัญหา ไม่งั้นปัญหาจะบานปลาย และคุณจะเสียเครดิตเสียเปล่าๆ คุณต้องระวังให้ดีครับ

 

 

Tags: , , , ,

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *

*