จิตวิทยาองค์กร

ปลดล็อกพลังแฝง! 5 เทคนิคเด็ด จูงใจพนักงานทำงานพุ่งทะยาน

Rating:

            พนักงานเปรียบเสมือนฟันเฟืองที่ขับเคลื่อนให้องค์กรบรรลุเป้าหมาย แรงจูงใจจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นให้พนักงานทำงานอย่างทุ่มเท มีประสิทธิภาพ และมีความสุขกับงาน องค์กรที่มีกลยุทธ์สร้างแรงจูงใจที่ดี จะสามารถดึงดูด รักษา และพัฒนาพนักงานที่มีคุณภาพไว้ได้ เมื่อเรารู้ว่า การสร้างแรงจูงใจการทำงานให้กับพนักงานมีความสำคัญเช่นนี้ วันนี้ผมจึงมี 5 เทคนิคเด็ด ในการจูงใจให้พนักงานทำงานด้วยความทุ่มเท มีความสุข เรามาเริ่มกันเลย

1. สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี

  • บรรยากาศที่ปลอดภัย เป็นมิตร และเอื้อต่อการทำงาน: องค์กรควรมีนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับการต่อต้านการกลั่นแกล้ง พนักงานควร ที่จะแสดงความคิดเห็นและริเริ่มสิ่งใหม่ ๆ พื้นที่ทำงานควรสะอาด ปลอดภัย และสะดวกสบาย
  • สนับสนุนให้พนักงานมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน: จัดกิจกรรมส่งเสริมให้พนักงานรู้จักและสร้างความสัมพันธ์กัน เช่น กิจกรรมสังสรรค์ กิจกรรมอาสาสมัคร ส่งเสริมการทำงานเป็นทีม
  • ส่งเสริมการทำงานเป็นทีม: มอบหมายงานที่ต้องใช้ความร่วมมือ จัดกิจกรรมกลุ่ม ให้รางวัลเป็นทีม
  • ให้โอกาสพนักงานมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ: จัดประชุมรับฟังความคิดเห็น ให้พนักงานมีส่วนร่วมในการวางแผน
  • ยืดหยุ่นในเรื่องเวลาการทำงาน: ให้พนักงานมีอิสระในการจัดการเวลา สนับสนุนการทำงานจากที่บ้าน Work from Home
  • สนับสนุน work-life balance: ส่งเสริมให้พนักงานมีเวลาส่วนตัว ให้วันลาพักร้อนที่เพียงพอ สนับสนุนการลาคลอด

ตัวอย่าง:

  • บริษัท XYZ จัดกิจกรรม “วันครอบครัว” พนักงานสามารถพาครอบครัวมาร่วมงานได้ มีกิจกรรมต่างๆ มากมาย เช่น เล่นเกม ร้องเพลง ทานอาหาร
  • บริษัท ABC มีนโยบาย “Flexible Work” พนักงานสามารถเลือกเวลาเข้า-ออกงานได้เอง
  • บริษัท DEF มีโครงการ “Employee Suggestion” พนักงานสามารถเสนอแนะแนวคิดเพื่อพัฒนาองค์กร และได้รับรางวัลหากแนวคิดนั้นถูกนำไปใช้จริง

 

2. มอบหมายงานที่ท้าทายและมีความหมาย

  • พนักงานควรมีโอกาสเรียนรู้ ทักษะใหม่ๆ และพัฒนาทักษะที่มีอยู่: จัดการฝึกอบรม สนับสนุนให้พนักงานเข้าร่วมสัมมนา ส่งเสริมให้พนักงานเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ
  • งานที่มอบหมายควรมีความท้าทาย เหมาะสมกับความสามารถ และสอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กร: วิเคราะห์จุดแข็ง-จุดอ่อนของพนักงาน มอบหมายงานที่ท้าทายพอสมควร ให้โอกาสพนักงานได้แสดงศักยภาพ
  • พนักงานควรมีส่วนร่วมในการออกแบบงานของตัวเอง: ให้พนักงานมีส่วนร่วมในการระบุเป้าหมาย วิธีการทำงาน และผลลัพธ์ที่คาดหวัง
  • ให้โอกาสพนักงานได้แสดงความคิดสร้างสรรค์: สนับสนุนให้พนักงานคิดนอกกรอบ เสนอแนะแนวคิดใหม่ ๆ
  • ยกย่องและให้รางวัลเมื่อพนักงานประสบความสำเร็จ: ชื่นชมผลงานของพนักงาน มอบรางวัล ให้โอกาสก้าวหน้าในสายงาน

ตัวอย่าง:

  •   บริษัท GHI มีโครงการ “Job Rotation” พนักงานมีโอกาสหมุนเวียนไปทำงานในแผนกต่างๆ เพื่อเรียนรู้ทักษะใหม่
  •   บริษัท JKL มีนโยบาย “Innovation Award” มอบรางวัลแก่พนักงานที่มีผลงานคิดค้นนวัตกรรม
  •   บริษัท MNO มีระบบ “Employee of the Month” คัดเลือกพนักงานที่ทำงานดีเด่น ได้รับรางวัลและสิทธิพิเศษต่างๆ

 

3. ให้การสนับสนุนและพัฒนาพนักงาน

         3.1 มอบการฝึกอบรมและพัฒนาศักยภาพให้พนักงานอย่างสม่ำเสมอ:

  • จัดการฝึกอบรมทั้งแบบ On-the-job และ Off-the-job:
    • On-the-job training: ฝึกอบรมให้พนักงานเรียนรู้ทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานในสถานการณ์จริง เช่น ฝึกอบรมการใช้งานโปรแกรมใหม่ ฝึกอบรมเทคนิคการขาย ฝึกอบรมการให้บริการลูกค้า
    • Off-the-job training: ฝึกอบรมให้พนักงานเรียนรู้ทักษะทั่วไป ทักษะชีวิต และทักษะอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการพัฒนาตนเอง เช่น ฝึกอบรมการคิดวิเคราะห์ ฝึกอบรมการสื่อสาร ฝึกอบรมการจัดการเวลา
  • ครอบคลุมทั้งทักษะที่จำเป็นต่อการทำงาน ทักษะชีวิต และทักษะอื่นๆ:
    • ทักษะที่จำเป็นต่อการทำงาน: ทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานในแต่ละตำแหน่ง เช่น ทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ ทักษะภาษาต่างประเทศ ทักษะการบัญชี
    • ทักษะชีวิต: ทักษะที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต เช่น ทักษะการคิดวิเคราะห์ ทักษะการแก้ปัญหา ทักษะการสื่อสาร ทักษะการทำงานเป็นทีม
    • ทักษะอื่นๆ: ทักษะที่จำเป็นต่อการพัฒนาตนเอง เช่น ทักษะการเรียนรู้ ทักษะการคิดสร้างสรรค์ ทักษะการนำเสนอ
  • ส่งเสริมให้พนักงานเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ: สนับสนุนให้พนักงานอ่านหนังสือ ฟัง Podcast เข้าร่วมสัมมนา หรือเข้าคอร์สออนไลน์

ตัวอย่าง:

  • บริษัท PQR จัดอบรม “ทักษะการคิดวิเคราะห์” ให้แก่พนักงานทุกคน
  • บริษัท RST สนับสนุนให้พนักงานเข้าคอร์สเรียนภาษาอังกฤษ
  • บริษัท STU มีห้องสมุดให้พนักงานสามารถยืมหนังสือมาอ่านได้ฟรี

        3.2 สนับสนุนให้พนักงานศึกษาต่อหรือเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาทักษะ:

  • ให้ทุนการศึกษา: องค์กรสามารถให้ทุนการศึกษาแก่พนักงานที่ต้องการศึกษาต่อ
  • สนับสนุนให้พนักงานเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาทักษะ: องค์กรสามารถสนับสนุนให้พนักงานเข้าร่วมสัมมนา เวิร์คช็อป หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาทักษะ
  • ให้คำปรึกษาและคำแนะนำ: องค์กรควรมีระบบให้คำปรึกษาและคำแนะนำแก่พนักงานเกี่ยวกับการศึกษาต่อ การพัฒนาทักษะ และการพัฒนาอาชีพ

ตัวอย่าง:

  • บริษัท VWX ให้ทุนการศึกษาแก่พนักงานที่ต้องการศึกษาต่อปริญญาโท
  • บริษัท YZA สนับสนุนให้พนักงานเข้าร่วมสัมมนา “เทรนด์ธุรกิจในยุคดิจิทัล”
  • บริษัท ABC มีระบบ “Career Coaching” ให้คำปรึกษาและคำแนะนำแก่พนักงานเกี่ยวกับการพัฒนาอาชีพ

 

4. สร้างระบบการให้รางวัลและการจูงใจ

ระบบการให้รางวัลและการจูงใจ เป็นเครื่องมือสำคัญในการกระตุ้นให้พนักงานทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ องค์กรควรออกแบบระบบการให้รางวัลที่ยุติธรรม โปร่งใส และสอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กร

หลักการสำคัญของระบบการให้รางวัลและการจูงใจ

  • ยุติธรรม: พนักงานควรได้รับรางวัลที่สอดคล้องกับผลงาน
  • โปร่งใส: ระบบการให้รางวัลควรมีความชัดเจน พนักงานควรทราบถึงเกณฑ์การให้รางวัล
  • สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กร: ระบบการให้รางวัลควรกระตุ้นให้พนักงานทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมายขององค์กร

รูปแบบของระบบการให้รางวัลและการจูงใจ

  • เงินเดือนและสวัสดิการ: เงินเดือนและสวัสดิการเป็นรางวัลพื้นฐานที่พนักงานคาดหวัง องค์กรควรจ่ายเงินเดือนและสวัสดิการที่ยุติธรรมและน่าพอใจ
  • โบนัส: โบนัสเป็นรางวัลพิเศษที่มอบให้แก่พนักงานที่ทำงานดีเด่น หรือบรรลุเป้าหมายที่กำหนด
  • รางวัลอื่นๆ: องค์กรสามารถมอบรางวัลอื่นๆ ให้แก่พนักงาน เช่น ของรางวัล ทริปท่องเที่ยว สิทธิพิเศษต่างๆ
  • การยกย่องและให้คำชม: การยกย่องและให้คำชมเป็นรางวัลทางจิตใจที่พนักงานให้ความสำคัญ องค์กรควรมีระบบการยกย่องและให้คำชมที่ชัดเจน
  • โอกาสในการพัฒนา: โอกาสในการพัฒนา เช่น การฝึกอบรม การศึกษาต่อ การเลื่อนตำแหน่ง เป็นรางวัลที่ดึงดูดพนักงานที่มีความมุ่งมั่นพัฒนาตนเอง

ตัวอย่างระบบการให้รางวัลและการจูงใจ

  • บริษัท KLM: บริษัท KLM มีระบบ “Employee of the Month” คัดเลือกพนักงานที่ทำงานดีเด่น ได้รับรางวัลเงินเดือนและสิทธิพิเศษต่างๆ
  • บริษัท MNO: บริษัท MNO มีระบบ “Performance Bonus” มอบโบนัสให้แก่พนักงานที่บรรลุเป้าหมายที่กำหนด
  • บริษัท PQR: บริษัท PQR มีโครงการ “Employee Suggestion” พนักงานสามารถเสนอแนะแนวคิดเพื่อพัฒนาองค์กร และได้รับรางวัลหากแนวคิดนั้นถูกนำไปใช้จริง

ผลลัพธ์ของระบบการให้รางวัลและการจูงใจที่ดี

  • เพิ่มผลผลิตและประสิทธิภาพการทำงาน
  • ลดการลาออกของพนักงาน
  • สร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี
  • เสริมสร้างภาพลักษณ์องค์กร
  • เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

องค์กรที่มีระบบการให้รางวัลและการจูงใจที่ดี จะเป็นองค์กรที่ดึงดูด รักษา และพัฒนาพนักงานที่มีคุณภาพไว้ได้

5. สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ

การสื่อสาร เป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างองค์กรกับพนักงาน องค์กรที่มีระบบการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยให้พนักงานเข้าใจเป้าหมาย กลยุทธ์ และนโยบายขององค์กร รู้สึกมีส่วนร่วม และทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

หลักการสำคัญของการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ

  • ชัดเจน: ข้อความที่สื่อสารควรชัดเจน กระชับ เข้าใจง่าย
  • ตรงไปตรงมา: องค์กรควรสื่อสารอย่างตรงไปตรงมา หลีกเลี่ยงการปกปิดข้อมูล
  • สม่ำเสมอ: องค์กรควรสื่อสารกับพนักงานอย่างสม่ำเสมอ ทั้งในเรื่องที่ดีและไม่ดี
  • เปิดกว้าง: องค์กรควรเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากพนักงาน
  • หลายช่องทาง: องค์กรควรใช้ช่องทางการสื่อสารที่หลากหลาย

รูปแบบของการสื่อสาร

  • การสื่อสารแบบตัวต่อตัว: เป็นรูปแบบการสื่อสารที่ใช้มากที่สุด เหมาะสำหรับการสื่อสารข้อมูลที่สำคัญ การให้คำปรึกษา การประเมินผล
  • การสื่อสารแบบกลุ่ม: เหมาะสำหรับการสื่อสารข้อมูลทั่วไป การระดมความคิด การสร้างความสัมพันธ์
  • การสื่อสารแบบเขียน: เหมาะสำหรับการสื่อสารข้อมูลที่เป็นทางการ เอกสารนโยบาย คู่มือปฏิบัติงาน
  • การสื่อสารผ่านสื่อออนไลน์: เหมาะสำหรับการสื่อสารข้อมูลข่าวสาร การอัปเดตความคืบหน้า การสื่อสารกับพนักงานที่ทำงานจากระยะไกล

ตัวอย่างการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ

  • บริษัท STU: บริษัท STU จัดประชุมพนักงานทุกไตรมาส เพื่อสื่อสารข้อมูลข่าวสาร กลยุทธ์ และนโยบายขององค์กร
  • บริษัท VWX: บริษัท VWX มีระบบ “Employee Newsletter” แจ้งข่าวสาร กิจกรรม และเรื่องราวดีๆ ขององค์กร
  • บริษัท YZA: บริษัท YZA มีช่องทางการสื่อสารออนไลน์ เช่น Facebook Group, Line Group พนักงานสามารถสื่อสารกันเอง แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และขอความช่วยเหลือ

ผลลัพธ์ของการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ

  • พนักงานเข้าใจเป้าหมาย กลยุทธ์ และนโยบายขององค์กร
  • พนักงานรู้สึกมีส่วนร่วม
  • พนักงานทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
  • เกิดความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างองค์กรกับพนักงาน
  • องค์กรบรรลุเป้าหมาย

องค์กรที่มีระบบการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ จะเป็นองค์กรที่พนักงานรู้สึกพึงพอใจ มีความสุขกับการทำงาน และพร้อมที่จะทุ่มเทให้กับองค์กร

        กลยุทธ์สร้างแรงจูงใจให้พนักงานทำงานอย่างมีประสิทธิภาพนั้น มีหลายวิธี องค์กรควรเลือกใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมกับบริบทและวัฒนธรรมองค์กรของตน การสร้างแรงจูงใจให้พนักงานนั้น ไม่ได้เป็นเพียงหน้าที่ของฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคล แต่เป็นหน้าที่ของทุกคนในองค์กรที่ต้องร่วมมือกัน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี ส่งเสริมให้พนักงานมีแรงจูงใจ ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และมีความสุขกับงาน

      ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น เมื่อพนักงานมีแรงจูงใจ จะส่งผลดีต่อองค์กรหลายประการ เช่น

  • เพิ่มผลผลิตและประสิทธิภาพการทำงาน
  • ลดการลาออกของพนักงาน
  • สร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี
  • เสริมสร้างภาพลักษณ์องค์กร
  • เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

      องค์กรที่มีพนักงานที่มีแรงจูงใจ จะเป็นองค์กรที่ประสบความสำเร็จและยั่งยืนอย่างแน่นอนครับ

Tags: , ,

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *

*