ทีมงาน หรือผู้ใต้บังคับบัญชาของคุณ ก็เหมือนกับรถยนต์ หากไม่มีการสตาร์ทรถ หรือไม่ได้เติมน้ำมันเชื้อเพลิงเลย รถยนต์ก็จะหมดพลัง หมดไฟ ไร้ซึ่งการกระตุ้น ทำให้รถคันนั้นเสื่อมลง ดังนั้นในฐานะผู้นำคุณควรที่จะรู้ถึง การเติมไฟ เพิ่มแรงจูงใจในการทำงานให้กับทีมงานของคุณ ไม่ใช่สักแต่ว่าให้เขาทำงานไปวันๆ โดยที่คุณไม่ได้กระตุ้นอะไร ให้กับเขาเลย
มาถึงตอนนี้ แล้วเรา จะมีวิธีการสร้างแรงจูงใจให้เกิดขึ้นกับทีมงาน และลูกน้องของเราได้อย่างไรล่ะ ?
โดยปกติแล้ว หลักทั่วไปในการสร้างแรงจูงใจ จะต้องมี “สิ่งจูงใจ” เพื่อให้เกิดแรงจูงใจ โดย “สิ่งจูงใจ” ประกอบไปด้วย 1.สิ่งจูงใจภายนอก และ 2.สิ่งจูงใจภายใน
1. สิ่งจูงใจภายนอก : สิ่งที่เห็นเป็นรูปธรรมทั้งหลาย เช่น การเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง การเพิ่มค่าตอบแทน การให้รถประจำตำแหน่ง การให้ห้องทำงานที่ดูใหญ่โต การมีโต้ะทำงานที่สวยงาม และอื่นๆ สารพัด ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นการล่อตา ล่อใจ ให้ทีมงาน หรือลูกน้องของคุณ ขยัน ทุ่มเททำงาน อย่างขันแข็ง มากขึ้นก็จริงครับ แต่มักจะมีผลต่อไปจนกระทั่งเขาได้ขึ้นเงินเดือน หรือปรับตำแหน่งความก้าวหน้าขึ้นเท่านั้น
2. สิ่งจูงใจภายใน : งานที่น่าสนใจ ท้าทายตลอดเวลา ตื่นเต้นตลอดเวลา มีโอกาสแห่งความก้าวหน้าเข้ามาเสมอ มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ เป็นงานที่จะก้าวไปสู่ สิ่งที่จะรับผิดชอบมากขึ้น
แน่นอนครับว่า ทุกๆ คนแม้กระทั่งตัวของผมเอง ก็ต้องการสิ่งจูงใจภายนอกด้วยกันทั้งนั้น ทุกคนทำงานก็ต้องได้เงิน น้อยมากครับที่ใครจะทำงานจะทำงานโดยที่ไม่ต้องการเงินทองเลย แต่สิ่งที่จะเป็นกุญแจ สำคัญในการจูงใจพนักงาน หรือทีมงานของคุณก็คือให้พวกเขา เข้าถึงแหล่งพลังภายในตัวของเขาเอง ไม่เช่นนั้นแล้ว คุณในฐานะผู้นำ ก็ต้องคอยเติมพลังให้กับพวกเขาอยู่ร่ำไป สุดท้ายตัวคุณเอง อาจจะเป็นฝ่ายที่หมดพลังไปเสียเอง
แต่การสร้างแรงจูงใจให้เกิดขึ้นกับทีมงาน และลูกน้องของคุณจะต้องไม่ใช่เป็นการบีบบังคับ หรือการลงโทษ ซึ่งหากทำแบบนั้น จะเกิดการจูงใจในตัวของทีมงาน และลูกน้องของคุณแน่ๆ ครับ แต่เป็นแรงจูงใจที่เกิดขึ้นจากความกลัวน่ะครับ ไม่ใช่เกิดจากความเต็มใจ ที่จะทำเพื่อคุณ หรือองค์กรแต่ประการใด เป็นการทำไปเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดครับ ซึ่งสุดท้าย จะเป็นการสร้างความเห็นแก่ตัวให้เกิดขึ้นในใจของลูกน้องของคุณเอง ซึ่งไม่เป็นเรื่องดีแน่นอน
คำถาม : “แล้วเราจะเพิ่มพลัง ให้กับทีมงาน หรือลูกน้องของเราได้อย่างไร ?”
คำตอบ : การขึ้นเงินเดือนหรือ? = No !
การปรับสวัสดิการเพิ่มขึ้นหรือ? = No !
มันคือ >>>> ” การทำให้งานของพวกเขา มีคุณค่ามากขึ้น ” ต่างหากล่ะครับ
ซึ่งมีหลักในการปฏิบัติ เพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับงานของพวกเขาดังนี้
1. ให้ทีมงาน หรือลูกน้องของคุณ แต่ล่ะคนนั้น ได้รับผิดชอบงานของตนเองให้มากขึ้น ด้วยการที่คุณต้องลดการควบคุม ลงไปอีกระดับหนึ่ง ซึ่งจะทำให้ทีมงานของคุณรู้สึกว่าคุณ ไว้วางใจ เชื่อใจเขา และไม่รู้สึก กดดัน มากนัก
2. ต้องให้ข้อมูลกับเขาโดยตรงเลย แทนที่จะต้องส่งข้อมูลผ่านผู้บังคับบัญชา หัวหน้างานของพวกเขาก่อน มันจะเข้มขลังกว่า แน่นอนเพราะคุณเป็นคนบอกข้อมูลกับเขาเองโดยตรงนี่ครับ
3. ให้ทีมงาน ลูกน้องของคุณ ได้รับผิดชอบในขั้นตอน กระบวนการ หรืองานหนึ่งๆ ของเขาด้วยตนเองทั้งหมด คิดเอง แก้ไขปัญหาเอง คุณเพียงให้คำปรึกษากรณีที่เขาต้องการเท่านั้น
4. คุณต้องเปิดโอกาสให้ทีมงานของคุณ ลูกน้องของคุณ ได้ทำงานใหม่ๆ ที่ยากขึ้น ท้าทายมากขึ้น และเป็นงานที่เขาไม่เคยทำมาก่อน คนรุ่นใหม่ชอบแบบนี้ครับ เปิดโอกาสให้เขาครับ อย่าประมาทเขาน่ะครับ เขาทำให้คุณได้มากกว่าที่คุณคิดมากนัก แค่ปลดล็อคเขา
5. มอบหมายให้แต่ล่ะคน ให้ทำงานที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญ ความชำนาญเฉพาะด้าน เหมาะกับจุดเด่นของเขา เพื่อให้เขาสามารถพัฒนาเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นต่อไปได้ คุณอาจจะส่งเขาไปอบรมความเชี่ยวชาญด้านนั้นๆ จากแหล่งภายนอกก็ได้ เป็นการให้ความสำคัญกับความเชี่ยวชาญ และส่ิงที่เขาถนัดสนใจครับ
การทำตามวิธีนี้ แบบนี้ จะทำให้ลูกน้อง หรือทีมงานของคุณรู้สึกว่าเขามีความสำคัญ งานมึคุณค่า ได้รับผิดชอบมากขึ้น และสามารถทำสำเร็จได้ด้วยตนเอง ให้เขารู้สึกถึงโอกาสใหม่ๆที่จะเข้ามา ได้กลิ่นความก้าวหน้า มีโอกาสเรียนรู้ และเติบโตในสายงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งวิธีการดังกล่าว คุณสามารถนำไปปรับใช้ได้กับใครก็ได้ เช่น ลูกของคุณ คนที่คุณรู้จัก สมาชิกในครอบครัว ฯลฯ ครับ
